ไปรษณีย์ไทยเผยครึ่งปีแรกโต 12.67% พร้อมดัน Post Family ทะลุ 1 ล้านรายปีนี้

Spread the love

 

ธุรกิจส่งสินค้าและพัสดุ เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูง มีผู้เล่นมากหน้าหลายตา แต่ก็มีไม่กี่รายที่จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้และสร้างกำไร เพราะที่ผ่านมาด้วยการตัดราคาทำให้ภาพรวมของธุรกิจนี้ไม่มีผู้สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำเท่าใดนัก

 

ไปรษณีย์ไทยซึ่งเดิมเคยเป็นผู้เล่นหลัก แต่เมื่อตลาดมีการเติบโต มีคู่แข่งเข้ามามากมาย การจะยืนหยัดอยู่ในอุตสาหกรรมนี้จำเป็นต้องมีหลายกลยุทธ์เข้ามาประกอบกัน แต่ถึงอย่างนั้นผลการดำเนินงานในปี 2564 และ 2565 ไปรษณีย์ไทยก็ยังขาดทุน แต่เป็นการขาดทุนตามอุตสาหกรรม

 

แต่หลังจากปิดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2566 กลับมีรายได้ 10,833.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 12.67% กำไรสุทธิทั้งสิ้น 157.72 ล้านบาท ซึ่ง ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงปีที่ขาดทุนนั้นไปรษณีย์ไทยก็มุ่งปรับองค์กรจนเริ่มมีผลประกอบการที่ดีและมีกำไรให้เห็นกันในปีนี้

 

“ธุรกิจโลจิสติกส์ที่เป็นแมสจะมีการแข่งขันสูงการที่เราให้ความสำคัญกับคุณภาพ ทำยังไงให้คนแตะของน้อยที่สุด เพื่อทำให้โอกาสของพังน้อยที่สุด เราเริ่มมีการใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วย การแยกระหว่างของที่แตกหักง่ายออกมาต่างหาก เพราะการขนส่งของที่ต่างกันมีความแตกกัน รวมถึงการเพิ่มการขนส่งสินค้าที่มีความเฉพาะ”

 

การแข่งขันในเวลานี้จึงต้องแข่งที่คุณภาพและราคาที่เหมาะสม เพราะธุรกิจนี้มีโอกาสที่ผู้เล่นรายใหม่จะเข้ามาเสมอ และหลังจากสงครามราคาเริ่มคลี่คลาย แต่โครงสร้างต้นทุนไม่ได้ยืดหยุ่น ลูกค้ายังคงต้องการจ่ายเท่าเดิม ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำได้คือ ทำคุณค่าให้สูงขึ้น คุ้มค่า เราปรับระบบ สร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้น ราคาเราอยู่กลาง ๆ แต่รักษาคุณภาพ

 

นอกจากนี้เรายังบริหารจัดการภายในลดต้นทุนโดยรวมได้ถึง 15% ลดต้นทุนด้านพนักงาน เราใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เราต้องทำให้มากกว่าคู่แข่ง สิ่งเหล่านี้ทำให้ภาพรวมธุรกิจไปรษณีย์ไทยในช่วงครึ่งปีแรกมีการเติบโตที่ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา

 

โดยกลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ครองสัดส่วนรายได้สูงสุดถึง 44.11% ตามด้วย กลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์ 36.04% กลุ่มบริการระหว่างประเทศ 13.60% กลุ่มบริการค้าปลีก 2.35% กลุ่มบริการการเงินและบริการอื่นๆ 2.84% และรายได้อื่นๆ 1.06%

 

นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก 2566 ไปรษณีย์ไทยได้สนับสนุนการให้บริการพื้นฐาน เข้าถึงทุกพื้นที่ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท

 

สำหรับในครึ่งปีหลังไปรษณีย์ไทยพร้อมที่จะการรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ของคนทุกเจเนอเรชันด้วยการใช้บริการไปรษณีย์ไทย เชื่อมโยงไปสู่ทุกจุดหมาย พร้อมเป็นแบรนด์ Top of Mindที่ทุกคนนึกถึงทั้งในการช้อปปิ้ง ทำธุรกิจ ตลอดจนเป็นผู้นำด้านการให้บริการขนส่งที่หลากหลายในตลาดทั้งส่งใหญ่ ส่งยุ่ง ส่งยาก ส่งยา ส่งเย็น รวมไปถึงการขยายจุดให้บริการเป็น 30000 จุด เพื่อสร้างความสะดวกตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

 

รวมไปถึงการสร้างแบรนด์รอยัลตี้ด้วยประสบการณ์ใหม่ ๆ ผ่านบริการและโซลูชันที่จะทำให้คนไทยทุกคนและไปรษณีย์ไทยได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ผ่านสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่ากับ Post Family ที่ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 600,000 ราย และตั้งเป้าให้ครบ 1,000,000 รายภายในปีนี้

 

นอกจากนี้ยังพร้อมที่จะก้าวสู่ Data Company จากการเป็น Information Logistics ที่มีข้อมูลแบบไร้ขีดจำกัด เช่น บริการ Prompt Post ที่จะทรานส์ฟอร์มเอกสารทุกรูปแบบสู่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ การแปลงระบบจ่าหน้าหรือที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัลผ่านระบบ Digital Post ID การให้บริการในรูปแบบ Postman as a service ที่สามารถนำข้อมูลและความรู้ ความเข้าใจในทุกพื้นที่มาต่อยอดนำเสนอบริการที่ตรงใจ พร้อมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อนพี่ไปรฯ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ

 

ดร.ดนันท์ กล่าวว่า ตลอดการเดินทาง 140 ปีที่อยู่เคียงข้างเศรษฐกิจและสังคมไปรษณีย์ไทยถือเป็นผู้เปิดเส้นทางและเพื่อนร่วมทางที่เห็นโอกาสที่สำคัญทั้งในเชิงธุรกิจ และโอกาสใหม่ๆ สำหรับทุกภาคส่วน ด้วยกลยุทธ์ 1-4-0 โดย 1 คือ การเป็นที่หนึ่งเรื่องคุณภาพ พร้อมส่งมอบคุณค่าด้วยบริการที่มีคุณภาพเพื่อคนไทยอย่างต่อเนื่อง 4 คือ เส้นทางขนส่งทางรถยนต์ ทางรถไฟ ทางอากาศ ทางดิจิทัลครอบคลุมทั่วไทย ทั่วโลก

 

ครบถ้วนทุกไลฟ์สไตล์ และ 0 คือ Zero Complaint ลดข้อร้องเรียนเป็นศูนย์ หรือแก้ปัญหาให้ผู้ใช้บริการอย่างรวดเร็วที่สุด และ Net Zero เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065 และสำหรับครึ่งปีหลัง ไปรษณีย์ไทยพร้อมใช้เทคโนโลยีพัฒนาบริการใหม่ ๆ เพื่อคนไทยอีกมากมาย

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล กรรมการ และประธานคณะอนุกรรมการด้านกลยุทธ์ขับเคลื่อนการตลาดและการสื่อสาร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดขนส่งในปีนี้ คาดการณ์ว่าจะยังคงมีการแข่งขันกันด้วยหลากหลายกลยุทธ์ รวมถึงมีการนำเสนอจุดแตกต่างที่แต่ละแบรนด์มีเพื่อรักษาตลาด

 

ในส่วนของไปรษณีย์ไทยได้ให้ความสำคัญกับการครองใจผู้ใช้บริการด้วยความแน่นแฟ้น เป็นเพื่อนสนิทที่พร้อมเดินเคียงข้างคนไทยในทุกเส้นทางที่ส่งมอบทั้งความสัมพันธ์ และความสำเร็จ อีกทั้งยังรู้จริง รู้ใจ ผู้ใช้บริการทุกคน

 

นอกจากนี้ ในปีนี้ที่ไปรษณีย์ไทยเดินทางมาถึงอายุ 140 ปี และอยู่ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงให้ความสำคัญกับการเป็นแบรนด์ที่ทุกคนเชื่อถือเมื่อนึกถึงบริการขนส่ง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่อาจมีภาพจำว่าไปรษณีย์ไทยเป็นแบรนด์ที่อยู่มานาน ไม่ทันสมัย ทำให้ไปรษณีย์ไทยต้องทลายกำแพงภาพจำตรงนี้ไปให้ได้ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนนิวเจนให้มากขึ้น

 

ทั้งในเชิงการสร้างฐานผู้บริโภคผ่านโครงการและแคมเปญต่าง ๆ พร้อมทั้งมองหาไอเดียใหม่ๆ และอินไซต์จากคนรุ่นใหม่ มาปรับใช้และต่อยอดให้กับแบรนด์ให้ดูสดใสมากขึ้น โดยล่าสุด ไปรษณีย์ไทยได้ร่วมกับสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จัดโครงการประกวดแผนแบรนด์ “J-MAT Brand Planning Competition”

 

เพื่อนำแผนการสร้างแบรนด์ที่ได้ไอเดียมาจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ มาใช้พัฒนาการสื่อสารแบรนด์ให้เข้าถึงและตรงใจคนรุ่นใหม่ Gen Z และเป็นแบรนด์ที่พร้อมจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ มาสู่ภาคเศรษฐกิจ อีกทั้งยังได้ฟังเสียงสะท้อนจากตัวแทนผู้ใช้บริการจริงซึ่งจะทำให้ไปรษณีย์ไทยเป็นองค์กรที่พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง เป็น Unique Brand ที่แตกต่างจากผู้ให้บริการขนส่งอื่น ๆ

 

นอกจากนี้ยังเน้นการดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วยหลัก ESG+E หมายถึงEnvironment, Social, Governance และ Economy ซึ่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนโดยการสร้างเครือข่ายการเติบโตที่ยั่งยืนเพื่อคนไทย เช่น การก้าวสู่ผู้ให้บริการไปรษณีย์ด้วยระบบประหยัดพลังงาน โครงการ reBOX ที่ขับเคลื่อนการใช้ทรัพยากรกล่อง ซองอย่างคุ้มค่า การส่งเสริมรายได้สินค้าชุมชนผ่านไทยแลนด์โพสต์มาร์ทและโครงการไปรษณีย์เพิ่มสุข เป็นต้น

Scroll to Top