ยังร้อนแรงไม่หยุดสำหรับรถยนต์ BYD ในการบริหารการขายของ เรเว่ ออโตโมทีฟ ที่หลังจากได้ทำการเปิดตัวและประกาศราคา BYD SEALไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2566
โดยยอดจองตั้งแต่วันเปิดตัวจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2566 มียอดจองรวมทั้งสิ้น 4,058 คัน และได้ทำการส่งมอบไปแล้ว 2,123 คัน
โดยรุ่นที่ยอดนิยมมากที่สุดคือรุ่น Premium ที่มีความจุแบตเตอรี่ 82.56 กิโลวัตต์ ให้ระยะทางวิ่ง 650 กิโลเมตร ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง มีพลังมอเตอร์อยู่ที่ 230 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร เขย่าตลาดด้วยราคา 1,449,000 บาท
แน่นอนว่าสำหรับการเปิดตัวเพียง 1 เดือน ส่งมอบรถได้ขนาดนี้และมียอดจองอยู่ในระดับที่สูง นับว่าเป็นรถรุ่นที่ปราบเซียนมาก เมื่อเทียบกับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปในเซ็กเมนต์เดียวกัน เพราะมียอดจองที่สูงกว่ายอดขายรถในกลุ่ม D-Segment ครึ่งปีแรกเสียอีก ต้องมาลุ้นกันว่ายอดส่งมอบตลอดทั้งปี BYD SEAL จะฟันไปเท่าไร
ในช่วงที่ BYD ATTO 3 เข้ามาทำตลาดก็เรียกได้ว่าน่าประหลาดใจแล้วสำหรับรถไฟฟ้าหน้าใหม่ที่มียอดขายทะลุ 10,000 คันในระยะเวลาไม่กี่เดือน แต่เพราะ BYD ATTO 3 เป็นรถเอสยูวีซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ในปัจจุบัน
แต่สำหรับยอดจองของ BYD SEAL ที่มียอดจองทะลุ 4,000 คันภายในเดือนเศษ นับว่าน่าแปลกใจกว่าเพราะก่อนหน้านี้รถในกลุ่ม D-Segment เครื่องยนต์สันดาบ มีการทำตลาดแบบเรื่อย ๆ
ในครึ่งปีหลังของปีนี้ BYD รุกตลาดต่อเนื่องนอกประเทศจีนทั้งยุโรปและเอเชียอาคเนย์ โดยยังได้ทำการเปิดตัว BYD SEAL ในประเทศออสเตรเลีย ที่ตั้งเป้าที่จะแข่งกับ Tesla Model 3 โดยตรง มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น เช่นเดียวกับในเมืองไทย ทำตลาดผ่านตัวแทนจำหน่ายที่ถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการชื่อ EVDirect
ตามมาด้วยเปิดตัวที่ประเทศฮังการี ซึ่งนับว่าเป็นประเทศยุโรปตะวันออกประเทศแรกที่ BYD เจาะตลาด การเข้าไปทำตลาดครั้งนี้ BYD ได้สร้างเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่นอย่าง Duna Autó และ Wallis Motor เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า
ล่าสุดในงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023 นั้น BYD ได้ทำการเปิดตัว “BYD SEAL” ที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ตามหลัง BYD DOLPHIN ซึ่งได้ฉายาว่า e- Compact และ BYD ATTO 3 กับฉายา e- SUV ที่เปิดตัวไปในเดือนกันยายน และมกราคม 2023 ตามลำดับ
โดยในงานนี้ BYD จัดแสดงการจัดแสดงตามแนวคิด “Essential Vehicle” ภายใต้ธีม “เทคโนโลยี” “สีเขียว” และ “อนาคต” ดังนั้น BYD SEAL ที่เปิดตัวจึงมีสองสีคือสีขาว และสีเขียว ที่ออกแนวกลมกลืนกับธรรมชาติ โดย BYD SEAL มีกำหนดออกประมาณฤดูใบไม้ผลิปี 2024
BYD SEAL มาพร้อมฉายา e – sedan ในญี่ปุ่นนำเสนอ 1 รุ่นคือ รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ โดย 2 ล้อคู่หน้ามีพละกำลัง 160 แรงม้า ส่วน 2 ล้อหลังมาพร้อม 230 แรงม้า และแรงบิด 360 นิวตันเมตร ความจุของแบตเตอรี่ 82.56 kWh ระยะทางการวิ่ง 555 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ของยุโรป ซึ่งก็จะตรงกับรุ่น AWD PERFOMANCE ในเมืองไทยนั่นเอง
BYD ในญี่ปุ่นดูแลโดย BYD Auto Japan Co., Ltd. มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองโยโกฮาม่า จังหวัดคานากาว่า ซึ่งจะเป็นบริษัทจำหน่ายรถยนต์นั่ง BYD บริการหลังการขาย และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดย BYD มีสโลแกนในญี่ปุ่นว่า “ให้รถยนต์ไฟฟ้า BYD เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น”
BYD ตั้งเป้าขยายสาขาให้มีมากกว่า 100 แห่ง ภายในสิ้นปี 2025 สำหรับข้อมูล ณ วันที่ 21 สิงหาคม BYD มีโชว์รูมเปิดทำการในญี่ปุ่น 10 สาขา
ยอดขายของ BYD SEAL ในเมืองไทย นับว่าน่าจับตามองมากยิ่งขึ้น เพราะล่าสุดคู่แข่งที่ชนกันตรงตัวแต่มีการใช้พลังงานแตกต่างกัน ได้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งมีภาษีทางด้านแบรนด์และความเชื่อมั่นจากคนไทยที่ดีกว่า
ดังนั้นนับจากนี้คงต้องจับตาดูว่าทาง เรเว่ ออโตโมทีฟ จะมีโปรเด็ดหรือแพ็คเกจเสริมเพื่อรับมือมากน้อยแค่ไหน หรือว่าปล่อยให้ยอดไหลไปเรื่อย ๆ ก่อน เพราะเท่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ก็ผลิตจนขายแทบไม่ทันแล้ว
