เรเว่ เปิด “Carbon Credit” รับยอดขายโตทะลุ 20,000 คัน

Spread the love

 

เรเว่ ออโตโมทีฟ ดันอีโคซิสเต็มการใช้งานรถไฟฟ้าในเมืองไทยแบบไปให้สุด ด้วยการเปิดโครงการ Carbon Credit ซึ่งเป็นโครงการแรกของ “RÊVERLUTION” (ขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ) ในประเทศไทย พร้อมความร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลายสาขาเพื่อขยายสถานีชาร์จครอบคลุมทั่วประเทศ

 

โดยล่าสุดยอดขายรวมของ BYD ทั้ง ATTO 3 และ Dolfin ทะลุ 20,000 คันเรียบร้อยแล้ว และยังมียอดจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง เรเว่ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 40,000 คัน ด้านโรงงานประกอบของ BYD จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้

 

พร้อมเดินเครื่องประกอบประมาณปลายเดือนมิถุนายน 2567 โดยรุ่นแรกที่จะประกอบคือ BYD Dolfin มีกำลังการผลิตเริ่มต้น 150,000 คันต่อปี หากคนไทยต้อนรับมากกว่านี้ BYD จะลงทุนโรงงานแห่งที่ 2

 

ประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด กล่าวว่า สำหรับวิสัยทัศน์ “RÊVERLUTION” นั้นจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศ สู่ NEV Nation ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม กับแนวคิดและความมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของประเทศไทย ด้วยโครงการ Carbon Credit

 

โดยปัจจุบันโครงการนี้มีลูกค้าเข้าร่วมแล้วประมาณ 30% ส่วนเป้าหมายที่ต้องการนั้นอยู่ที่ 70% เพื่อที่จะผลักดันให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 16,000 ตัน เทียบเท่ากับต้นไม้ 100 ล้านต้น ต่อปี โดยลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ BYD ทุกท่าน สามารถเข้าร่วมโครงการ Carbon credit ผ่านทาง ทาง RÊVER Application โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ

 

ทั้งนี้ เรเว่ ออโตโมทีฟ เป็นบริษัทแรกในโลกที่มอบผลประโยชน์ ทาง Carbon Credit คืนให้กับลูกค้า ซึ่งผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า BYD ทุกรุ่นที่เข้าร่วมโครงการ หลังจากที่ได้ผ่านการอนุมัติ Carbon Credit แล้ว ทางเรเว่จะเป็นผู้ดูแลดำเนินการ และ Claim Carbon Credit ให้กับลูกค้าซึ่งลูกค้าผู้สมัครเข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายหลังจากเป็นสมาชิกโครงการ

 

สมาชิกผู้เข้าร่วมโครงการ จะได้รับ Carbon Credit จากการคำนวณ ระยะทางการขับขี่ (Mileage) จะคำนวณเป็นอัตราการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสามารถนำมาใช้เป็นเครดิตส่วนลดในการชาร์จรถยนต์ EV กับ RÊVERSHARGER เป็นต้น รวมไปถึงยังมีสิทธิประโยชน์อีกมากมาย

 

RÊVERLUTION มีจุดประสงค์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนแผนการ NDC (Nationally Determined Contribution) เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ภายในปี พศ. 2573 โดยประเทศไทยได้ประกาศ ให้คำมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน ‘Carbon Neutrality’ ภายในปี พ.ศ. 2593 และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ‘Net Zero Emission’ ภายในปีพ.ศ. 2608

 

เรเว่มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ ภายใต้มาตรฐาน VERRA’s Verified Carbon Standard (VCS) ผ่านการส่งเสริมการให้ผู้ขับขี่ในประเทศไทยเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปภายใน (ICE) มาสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ไม่ปล่อยมลพิษทางอากาศหรือก๊าซเรือนกระจก

 

RÊVERLUTION ถือเป็นพันธกิจของเรา อนาคตของไทยสร้างได้ตั้งแต่วันนี้ เราทุกคนสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ เราจึงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบโซลูชั่นด้านพลังงานในรูปแบบใหม่ (NEW DREAM ENERGY) โดยผ่านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า

 

ยิ่งผู้คนเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เราก็ยิ่งมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น เปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เราจึงอยากเชิญชวนลูกค้า BYD ทุกท่านมาเข้าร่วมโครงการ Carbon Credit ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกของเรา ขับเคลื่อนสู่สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นและยั่งยืนไปด้วยกันเพื่ออนาคตลูกหลานของเรา

 

นอกจากนี้ เรเว่ ยังได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากการเติบโตรถยนต์ไฟฟ้าแบบก้าวกระโดด จึงได้เกิดความร่วมมือกับบริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด ก่อตั้งเป็น “RÊVERSHARGER” ซึ่งเป็นพันธมิตรในการขยายสถานีชาร์จครอบคลุมทั่วประเทศอีก 1,110 จุด (สถานีชาร์จไฟฟ้า กระแสตรง 394 จุด และสถานีชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ 716 จุด) ภายในสิ้นปี 2566 นี้

 

และเรายังมีพันธมิตรจากโรงแรมเดอะสแตนดาร์ด โครงการแสนสิริ และ โครงการชาญอิสระ อีกทั้งสถานีบริการน้ำมันบางจาก และ สถานีบริการน้ำมันซัสโก้ ซึ่งผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะคลายความกังวลในการเดินทางไกลได้อย่างสบายใจมากขึ้น

 

พีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ ชาร์จ แมเนจเม้นท์ (SHARGE) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา Sharge ได้สร้างเครือข่ายสถานีชาร์จที่แข็งแกร่งกว่า 486 จุดใน 155 แห่ง โดย 75% อยู่ในภาคกลางของประเทศไทย เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการต่อคิวตามสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน

 

โครงการ RÊVERSHARGER จึงร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายราย รวมถึงโรงแรมเดอะสแตนดาร์ด, แสนสิริ และชาญอิสสระ ตลอดจนสถานีบริการบริการน้ำมัน ได้แก่ ซัสโก้และบางจาก เพื่อสร้างสถานีชาร์จที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบายและตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้ทุกรูปแบบ

Scroll to Top