นูทานิคซ์เผยผลสำรวจ ECI พบโครงสร้างพื้นฐานไอทีหลากหลายมากขึ้น

Spread the love

 

นูทานิคซ์ประกาศผลสำรวจ ECI ปีที่ 5 การสำรวจประจำปีนี้เป็นการวัดความก้าวหน้าของการใช้คลาวด์ขององค์กรต่าง ๆ โดยผลสำรวจจากผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีจำนวน 1,450 คน แสดงให้เห็นว่าองค์กรต่าง ๆ ต้องการแพลตฟอร์มไฮบริดมัลติคลาวด์หนึ่งเดียว เพื่อรันแอปพลิเคชันและบริหารจัดการดาต้าบนสถาพแวดล้อมไอทีที่แตกต่างกันได้ทั้งหมด

 

ผลสำรวจ ECI ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานไอทีมีความหลากหลายและแตกต่างกันมากขึ้น และองค์กรต่างพบกับความท้าทายที่จะต้องบูรณาการการบริหารจัดการและการควบคุมข้อมูลจากจุดเดียว

 

โครงสร้างพื้นฐานไอทีมีความหลากหลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่าครึ่งหนึ่ง (60%) ใช้สภาพแวดล้อมไอทีหลายประเภท และยังมีแผนทำเช่นนี้ต่อไปหรือมีแผนเพิ่มประเภทให้หลากหลายมากขึ้นอีกในอีกสามปีข้างหน้า มีการคาดการณ์ว่า การใช้โมเดลไฮบริดมัลติคลาวด์ ซึ่งประกอบด้วยไพรเวทคลาวด์ที่อยู่ในองค์กรหรือที่เอดจ์

 

บวกกับแพลตฟอร์มมัลติพับลิคคลาวด์ จะเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่า ในขณะที่จะมีการใช้โมเดลอื่น ๆ คงที่หรือลดลง ในเวลาเดียวกัน ดาต้าจะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนที่มีบทบาทเบื้องหลังการตัดสินใจด้านไอทีมากขึ้น

 

องค์กรต่างเผชิญความท้าทายว่าจะลดความซับซ้อนและบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของตนอย่างไรที่จะสามารถรองรับทั้งแอปพลิเคชันและดาต้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสภาพแวดล้อมไอที และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ซึ่งรวมถึงวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืนและงบประมาณด้วย องค์กรส่วนใหญ่มีความคืบหน้าในการทำให้การจัดการง่ายขึ้น

 

ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ระบุว่าสามารถทำให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างสภาพแวดล้อมไอทีต่าง ๆ ของตนได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามยังขาดการมองเห็นแบบองค์รวมว่าดาต้าของตนอยู่ ณ ที่ใดบ้าง

 

ในขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจ 94% เห็นเหมือนกันว่าความสามารถในการมองเห็นได้ทั้งหมดเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้มีเพียง 40% เท่านั้นที่ระบุว่าสามารถมองเห็นว่าดาต้าของตนอยู่ที่ไหนได้อย่างสมบูรณ์ นั่นหมายความว่า 60% ยังไม่สามารถทำเช่นนี้ได้

 

การไม่สามารถมองเห็นว่าดาต้าอยู่ที่ใด ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสามารถขององค์กรในการกำหนดและบังคับใช้นโยบายด้านความปลอดภัยได้อย่างรัดกุมกับทุกแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ใช้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผลสำรวจปีนี้พบว่าความปลอดภัยของดาต้าและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง การกำกับดูแล และปัญหาด้านการควบคุมดาต้า จึงยังคงเป็นสิ่งที่ผู้ตอบแบบสำรวจคำนึงถึงมากที่สุด

 

1. องค์กรในประเทศไทยใช้ไอทีแบบผสมน้อยกว่าค่าเฉลี่ย 2. หลักเกณฑ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่สำคัญที่สุดคือ การมีอำนาจในการควบคุมดาต้า 3. สภาพแวดล้อมแบบผสมนำมาซึ่งความท้าทายใหม่ ๆ และจำเป็นต้องจัดการเวิร์กโหลดและดาต้าทั้งหมดได้จากจุดเดียว

 

4. องค์กรไทยที่ตอบแบบสอบถามเกือบทั้งหมดย้ายแอปพลิเคชันระหว่างโครงสร้างพื้นฐานที่ต่างกันในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลที่แตกต่างจากองค์กรด้านไอทีในประเทศอื่น ๆ 5. ผู้ตอบแบบสอบถามยังคงไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่าย

 

ปัจจุบันบริษัทที่เข้าร่วมตอบแบบสอบถามในไทยยังมีการใช้โมเดลโครงสร้างพื้นฐานแบบหลากหลายน้อยกว่าค่าเฉลี่ยอยู่มาก และแผนการใช้งานในอีกสามปียิ่งอยู่ในระดับที่น้อยลงไปอีก แผนการขยายตัวเกือบทั้งหมดเน้นไปที่การเร่งเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานไฮบริดมัลติคลาวด์จาก 0% ในวันนี้เป็น 50% ในอีกสามปี

 

โดยระหว่างนี้ พวกเขาตั้งใจที่จะลดรูปแบบการใช้ไอทีอื่น ๆ ทั้งหมด ยกเว้นการใช้งานพับลิคคลาวด์อย่างเดียวที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่คาดว่าจะขยายตัวจาก 2% เป็น 6%

 

ผู้ตอบแบบสอบถามจากประเทศไทยจำนวนมากระบุว่า อำนาจในการควบคุมข้อมูล/การปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ในขณะที่กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามระดับภูมิภาคในเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่กว่าเลือกอำนาจในการควบคุมข้อมูลและความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้มีความสำคัญสูงสุดพอกัน

 

และผู้ตอบแบบสำรวจ ECI ท้้งหมดเห็นว่าความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่สำหรับประเทศไทย ความปลอดภัยทางไซเบอร์มาเป็นอันดับห้า โดยเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึงน้อยที่สุดในทั้งสามกลุ่ม

 

ความหลากหลายของโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการเน้นด้านดาต้าสตอเรจ, การจัดการ, การรักษาความปลอดภัย และบริการต่าง ๆ มากขึ้น กำลังผลักดันให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีทั้งหมดมองหาการดำเนินงานแบบผสมผสาน ที่เป็นอะไรที่มากกว่าโครงสร้างพื้นฐานแบบไพรเวทและพับลิค

 

ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบทั้งหมดรวมทั้ง 98% ในไทยต้องการการมองเห็นและจัดการส่วนต่าง ๆ ของโครงสร้างพื้นฐานที่หลากหลายได้จากจุดเดียว เมื่อคุณลักษณะเหล่านี้มีพร้อมให้ใช้งาน ผู้ตอบแบบสอบถามก็จะสามารถเข้าถึงเครื่องมือแบบรวมศูนย์ที่แสดงตำแหน่งจัดเก็บข้อมูลทั้งหมด

 

ทำให้ทีมไอทีสามารถจัดการแอปพลิเคชันและดาต้าได้แบบองค์รวม และปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในด้านค่าใช้จ่าย ประสิทธิภาพ การปกป้องข้อมูล และการปฏิบัติตามข้อกำหนด

Scroll to Top