เอปสันเปิดยุทธศาสตร์รุกตลาดปี 68 ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 6% เพิ่มขึ้นจากปี 67 ที่เติบโตประมาณ 5% เน้นกลยุทธ์เข้าถึงทุกจุด บุกทุกตลาด ด้วยการสร้างตลาดใหม่และเพิ่มไลน์สินค้า เพิ่มประสิทธิภาพช่องทางจำหน่ายเพื่อรองรับ B2B และ B2C เสริมแกร่งงานบริการด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์และธุรกิจด้วย ESG
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาภาพรวมตลาดไอทีติดลบประมาณ 2% ตลาดพรินเตอร์มีความท้าทายอย่างมาก โดยเครื่องพิมพ์ ซิงเกิลฟังก์ชั่้น ขนาดเล็กและมัลติฟังก์ชัน มีอัตราการเติบโตไม่มากนัก ส่วนอิงค์แท็งค์เติบโต แต่ตลาดเลเซอร์ติดลบ ด้านตลาดออนไลน์เติบโตมากกว่าตลาดออฟไลน์ เป็นต้น
ภาพรวมการดำเนินงานในปี 2567 ที่ผ่านมาเอปสันสามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5% สะท้อน ถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างระบบการขายของเอปสันในกลุ่ม B2B ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพท่ามกลางปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจ
โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่มีการเติบโตมากที่สุด ได้แก่ เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กร กลุ่ม WorkForce Enterprise เครื่องพิมพ์ EcoTank เครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม กลุ่ม T-Series และโปรเจคเตอร์ นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมาเอปสันยังสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพิมพ์ EcoTank ที่มีส่วนแบ่ง 43% ในตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ ตลาดดอทแมตทริกซ์มีส่วนแบ่ง 99%
ขณะที่ในตลาดโปรเจคเตอร์ เอปสันยังคงแข็งแกร่งด้วยส่วนแบ่งรวม 52% ส่วนเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ในกลุ่ม Photo Proof ครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งที่ 32% เช่นเดียวกับกลุ่มเครื่องพิมพ์ป้ายและเครื่องพิมพ์สิ่งทอที่ครองส่วนแบ่งตลาด 30% เท่ากัน
“ปี 2568 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ ทั้งสนับสนุนและท้าทายการเติบโตทางธุรกิจของเอปสัน โดยหนึ่งในเทรนด์หลักคือ Digital Transformation ในองค์กรภาครัฐ ที่ต้องการโซลูชันการพิมพ์และโปรเจคเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ขณะที่เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพที่กำลังขยายตัวจะเพิ่มความต้องการโซลูชันคุ้มค่าและประหยัดต้นทุนมากขึ้น”
นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจ ESG จะช่วยเร่งให้ธุรกิจในประเทศไทยปรับตัวสู่การพิมพ์อย่างยั่งยืนมากขึ้น ผ่านการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงตลาดอีคอมเมิร์ซที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็ว ยอดขายสินค้าไอทีทางออนไลน์ที่เติบโตเร็วกว่าช่องทางออฟไลน์ สวนทางกับต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสูงขึ้น
อีกทั้งยังมีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกที่ต้องจับตา โดยเฉพาะนโยบาย Trump 2.0 ที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย การลงทุนและการย้ายฐานการผลิตของต่างชาติในประเทศไทย เอปสันได้ตั้งเป้าเติบโตของปี 2568 อยู่ที่ 6% โดยมีกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กรที่คาดว่าจะโดดเด่นที่สุด
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำให้เอปสัน ต้องปรับกลยุทธ์อยู่เสมอ โดยที่ยังคงเป้าหมายทั้งในการรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาด สร้างตลาดใหม่ๆ มุ่งเน้นความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าด้วยแนวทางในการปรับตัว (Adaptability) และการก้าวนำตลาดอย่างต่อเนื่อง (Stay Ahead) ผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1. Innovation Offering รักษาตลาดที่เอปสันเป็นผู้นำอยู่ มุ่งสร้าง S-Curve ใหม่ของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวทางการดำเนินงาน 4 ด้าน (SEED) ได้แก่ Secure คือการรักษาคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และคุณค่าของผลิตภัณฑ์ Ensure คือการรักษาระดับราคาทั้งของตัวผลิตภัณฑ์และหมึกพิมพ์ให้ทำตลาดได้ในราคาที่ดียิ่งขึ้น
ส่วนตลาดที่มีความอ่อนไหวต่อราคา Expand คือ การขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ โอกาสทางธุรกิจ และโซลูชันใหม่ๆ และ Defend คือการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด ใช้จุดแข็งด้านเทคโนโลยีเพื่อรักษาความเป็นผู้นำ
2. Agility in Channel มุ่งพัฒนาช่องทางการขาย รองรับทั้งตลาด B2C และ B2B โดยในส่วนของ B2C จะเน้นที่การทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่าย เพื่อเจาะตลาดเมืองรอง ขยายช่องทางอีคอมเมิร์ซ ผ่านแพลตฟอร์มหลักและแพลตฟอร์มของพันธมิตร ส่วน B2B จะยกระดับความสัมพันธ์กับผู้ค้ารายใหญ่
พร้อมเพิ่มโซลูชันด้าน MPS หรือโซลูชั่นในการจัดการดูแลเครื่องพิมพ์และเครื่องถ่ายเอกสารอย่างครบวงจร และการขายโซลูชันแบบรวมเครื่องพิมพ์หลากรุ่น หรือ Mix Fleet Solution ไปจนถึงการพัฒนาการมีส่วนร่วมโดยตรงกับผู้ใช้งานในภาคการศึกษา การแพทย์ การผลิต และหน่วยงานรัฐ
โดยเอปสันยังให้ความสำคัญกับการนำเสนอคุณค่าแก่ลูกค้า (Value Proposition) ในด้านความคุ้มค่า คุณภาพ ความทนทาน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเสริมสร้างภาพลักษณ์ผ่านการทำการตลาดคอนเทนท์และกับ KOL
3. Enhanced Customer Service เริ่มจากการพัฒนาศักยภาพการให้บริการด้วยระบบสนับสนุนที่ทันสมัย ผ่าน 4 นวัตกรรม ได้แก่ New Integrated System ที่ช่วยติดตามและตรวจสอบการทำงานของทีมขายและฝ่ายบริการลูกค้าแบบเรียลไทม์ภายใต้ระบบเดียว ระบบ Live Video Support and Remote Diagnostics หรือการให้บริการสนับสนุนและตรวจสอบปัญหาจากระยะไกลผ่านวิดีโอแบบเรียลไทม์
ระบบ AI-driven Chatbots ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเพื่อบริการอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง และหลักสูตรอบรม Customizable Training Course ที่ออกแบบให้เหมาะกับลูกค้ากลุ่มเล็กที่มีความต้องการแตกต่างกัน และเน้นฝึกปฏิบัติจริง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานและความมั่นใจให้ลูกค้า
เอปสันเพิ่มความแข็งแกร่งของเครือข่ายศูนย์บริการด้วย On-site Service ครอบคลุมทั่วประเทศ ปัจจุบันมีศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตทั้งสิ้น 174 แห่ง พร้อมยกระดับการเข้าถึงบริการให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ สร้างความพึงพอใจและเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าในระยะยาว
ผ่านโปรแกรม Coverplus Sales ที่นำเสนอประกันเพื่อขยายเวลาของตัวเครื่อง (Extended Main Unit Warranty) ซึ่งลูกค้าสามารถซื้อได้ผ่านหลากหลายช่องทาง รวมทั้งยังจะขยายระยะเวลาการจัดหาอะไหล่ให้กับลูกค้า B2B จากเดิม 5 ปี เป็น 7 ปี เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าจะได้รับบริการที่มีคุณภาพ แม้สินค้าจะสิ้นสุดระยะเวลาการรับประกันแล้ว (O/W Repair)
4.การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ หรือ Value Creation ด้วยวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำด้าน ESG (Environment, Social, Governance) และความยั่งยืน เข้าสู่ตลาดใหม่ที่ต้องการนวัตกรรมที่ได้มาตรฐานด้าน ESG ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ดึงให้ผู้บริโภคได้เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยโลก อีกทั้งยังสร้างโอกาสในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนและสังคมไทย
โดยบริษัทฯ จะยังคงเดินหน้านำเสนอนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น หัวพิมพ์เทคโนโลยี Heat-Free เครื่องพิมพ์ EcoTank นวัตกรรมการรีไซเคิลกระดาษ และเลเซอร์ โปรเจคเตอร์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ใช้วัสดุสิ้นเปลืองน้อยกว่า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งเสริมแนวทางการอนุรักษ์พลังงานและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
รวมถึงสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน ผ่านโครงการ EcoWaste การใช้วัสดุรีไซเคิล และการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ขณะเดียวกันก็ยังเดินหน้าสร้างความร่วมมือผ่านการจับมือกับ WWF เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
ด้านนางสาวปวีณา ศรีตระกูล หัวหน้าฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ว่า ในปี 2568 เอปสันจะทำการตลาดอย่างเข้มข้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ เริ่มจากกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์แทงค์ ที่บริษัทฯ ตั้งเป้าจะรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งไม่น้อยกว่า 45% ผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน
ได้แก่ รักษาฐานตลาดกลุ่มเครื่องรุ่น Entry ควบคู่กับ Mid-High ด้วยเครื่องพิมพ์ EcoTank รุ่นใหม่ ที่จะเปิดตัวในช่วงไตรมาสสอง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน การสร้างแคมเปญ “From Imagination to Reality” เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้กับลูกค้าและผู้บริโภคในเรื่องคุณภาพที่ได้รับจากแบรนด์เอปสัน ผ่านโซเชียลมีเดียและอินฟลูเอนเซอร์บน Facebook TikTok และ YouTube
เดินหน้าผลักดันเครื่องพิมพ์ EcoTank ทั้งสีและขาวดำ เข้าสู่ตลาดที่เคยเป็นพื้นที่ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ผ่านการให้ความรู้ถึงความคุ้มค่าที่เหนือกว่า ความประหยัดและมีความยั่งยืน เพิ่มการมองเห็นแบรนด์และสินค้าผ่านจุดแสดงและทดสอบการพิมพ์ เพื่อให้ลูกค้าได้ประทับใจกับคุณภาพสีที่ดีเยี่ยม
การนำเสนอสินค้าหลากหลายรุ่นผ่านร้านค้าและแพลตฟอร์มออนไลน์ และการเข้าร่วมงาน Tech Expo และ Trade Show รวมทั้งริเริ่มแคมเปญ “Go Live Genuine Hologram” ส่งเสริมให้ผู้บริโภคใช้หมึกแท้ของเอปสันอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาประสิทธิภาพและอายุการทำงานของเครื่องพิมพ์เอปสัน
โดยจะมีการเปิดตัวโฮโลแกรมรุ่นใหม่ทั่วภูมิภาคในไตรมาสสอง สำหรับยืนยันความเป็นของแท้ ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถแยกผลิตภัณฑ์แท้จากของปลอมได้ง่ายขึ้น
กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กร ตั้งเป้าการเติบโตในกลุ่มธุรกิจ B2B ไว้ที่ 20% ผ่านการผลักดัน 3 ด้าน ประกอบด้วยการเร่งขยายพันธมิตรทางธุรกิจอย่างจริงจัง โปรแกรม E2E (End-to-End) ที่เน้นการดูแลลูกค้าเก่า ด้วยการตรวจเช็กฟรี เสนอโปรแกรมอัปเกรดหรือเทรดอิน และการสมัครสมาชิก เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
การนำเสนอโซลูชั่นที่ผสมผสานเครื่องพิมพ์เอปสันที่แตกต่างกัน (Mixed Fleet) เพื่อช่วยลดต้นทุนโดยรวม เสริมประสิทธิภาพด้วยซอฟต์แวร์ที่ตอบโจทย์การใช้งาน และส่งเสริมความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
ในส่วนเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digitalization) ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ ด้วยเทคโนโลยีอิงค์เจ็ท เน้นคุณภาพ ประสิทธิภาพและการใช้งานที่ง่ายขึ้นลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยขับเคลื่อนกลยุทธ์ผ่าน 3 แนวทางหลัก ได้แก่ การเร่งการเติบโตในกลุ่มเครื่องพิมพ์ป้ายโฆษณา พัฒนาและขยายโซลูชันสินค้าให้ครอบคลุมทุกความต้องการ และการสร้างนวัตกรรมใหม่ในธุรกิจการพิมพ์ผ้า พร้อมด้วยกลยุทธ์ SEED
สำหรับกลุ่มโปรเจคเตอร์ เอปสันตั้งเป้าที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดการศึกษา สร้างการรับรู้ในแบรนด์ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดอบรม สัมมนาและเวิร์กช็อป พร้อมเปิดตัวโปรเจคเตอร์รุ่นใหม่ในกลุ่มสมาร์ทซีรีส์และเครื่องระดับกลาง พร้อมไฮไลท์จุดเด่นของโปรเจคเตอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานด้านการศึกษามากกว่าจอแสดงผลทั้งแบบธรรมดาและอินเตอร์แอคทีฟ (Flat/Interactive Flat Panel Display)
พร้อมจัดแสดงโซลูชันการประชุมแบบไฮบริด และสุดท้ายคือการโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการพิเศษ โดยจะร่วมกับพาร์ทเนอร์ในการพัฒนาโซลูชันที่ครบวงจรเพื่อนำเสนอ พร้อมเจาะตลาดองค์กรและโรงเรียนเอกชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและขยายโอกาสทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น
เอปสัน ยังตั้งเป้าที่จะขยายตลาดโปรเจคเตอร์ความสว่างสูงในกลุ่มลูกค้าองค์กร โดยมีเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจาก 43% เป็น 50% ภายในปีนี้ โดยจะมีการเปิดตัวแพ็คเกจเช่าโปรเจคเตอร์ความสว่างสูง เพื่อรองรับความต้องการของตลาด การนำเสนอข้อมูลเปรียบเทียบจุดเด่นของโปรเจคเตอร์กับจอแอลอีดีผ่านการอบรม เวิร์กช็อป และโซเชียลมีเดีย
รวมถึงการสื่อสารผ่านแคมเปญ “See Ultra” เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าใจและเห็นภาพความแตกต่างระหว่างสองเทคโนโลยีได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งยังจะดำเนินการต่อเนื่องในการเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ต่อสาธารณะ ผ่านกิจกรรม Mapping ในอีเวนท์ที่สาธารณะ เพื่อเพิ่มการรับรู้และตอกย้ำความเชื่อมั่นในแบรนด์
ในส่วนโฮมโปรเจคเตอร์ ตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดใน 2 ปี ผ่านแคมเปญ “See Ultra – Go beyond the TV” ร่วมกับ KOL และการนำเสนอจุดแข็งของโปรเจคเตอร์ เช่น ความสว่างและความคมชัดระดับ Real 4K ผ่านทั้งแคมเปญการตลาดดิจิทัลและทัชพอยต์ออฟไลน์ ร่วมมือกับคู่ค้าในการจัดตั้งบูธแสดงประสิทธิภาพการฉายภาพของเลเซอร์โฮมโปรเจคเตอร์ และปรับปรุงสื่อส่งเสริมการขาย ณ จุดขายภายในร้านค้าปลีก
นอกจากนี้ เอปสันยังเตรียมเปิดตัวโปรเจคเตอร์สำหรับใช้ร่วมกับเครื่อง Golf Simulation โดยร่วมมือกับ 3 ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์กอล์ฟซิมูเลชันชั้นนำ พร้อมจับมือกับพันธมิตรกอล์ฟในการส่งเสริมการขาย และขยายความร่วมมือกับซอฟต์แวร์กอล์ฟ สนามกอล์ฟ โรงเรียนกอล์ฟ และสถาบันกอล์ฟ ผ่านกิจกรรมร่วมต่าง ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ครบถ้วน
ทั้งยังวางแผนเพิ่มการรับรู้ ด้วยการจัดแสดงสินค้าในงานนิทรรศการและอีเวนท์กอล์ฟ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และการรับรู้ของโปรเจคเตอร์เอปสันในกลุ่มตลาดนี้
นายยรรยง กล่าวสรุปว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์ที่ครอบคลุมรอบด้าน และคุณค่าด้านความยั่งยืนที่เอปสันยึดมั่นนี้จะไม่เพียงช่วยสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์เอปสันในระยะยาว พร้อมกับสร้างการเปลี่ยนแปลงในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ เพื่อความคุ้มค่าในการลงทุน คุณภาพชีวิตในที่ทำงานและที่บ้านที่ดีขึ้นของคนไทย
