เรียกได้ว่าไม่ยอมกันเลยสำหรับเจ้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง BYD ที่ล่าสุดได้ทำการจัดแคมเปญแบบจัดหนัก ต้อนรับแบรนด์น้องใหม่ และเพื่อนร่วมเซ็กเมนต์ใหม่ แบบกะว่าให้เหนื่อยกันไปข้างหนึ่ง เพราะแม้กลุ่มธุรกิจ เรเว่ จะมีอายุบริษัทเพียง 1 ปีเศษ แต่ด้วยความเก๋าของผู้บริหารก็สามารถก้าวสู่ผู้นำในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าได้แบบเหนือความคาดหมาย
แถมยังมียอดขายมากกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาบหลายแบรนด์ดังในเมืองไทยอีกด้วย โดยในช่วงเดือนมกราคม – ตุลาคม 2566 BYD มียอดจดทะเบียนทั้งสั้น 22,391 คัน ขึ้นเบอร์ 1 ในกลุ่มรถอีวีไปแล้วแบบไม่ต้องลุ้น ไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ไฟฟ้าในราคา 5 แสนบาท ก็สามารถขายกันได้แบบแทบส่งมอบกันไม่ทัน (แต่เชื่อว่าตลาดก็ยังคงรอ byd seagull ราคา 5 แสนบาทกันอยู่นะ)
ข้อมูลของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เดือนมกราคม – ตุลาคม 2566 พบว่า มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 77,737 คัน เพิ่มขึ้น 409.98% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม – ตุลาคมปีที่แล้ว
นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ เรเว่ กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ “NEW FUTURE YOUR WAY” จะช่วยผลักดัน NEV Nation ในด้านนวัตกรรมพลังงานใหม่ โดยผลิตภัณฑ์ยานยนต์ทุกรุ่นภายใต้แบรนด์ BYD จะเปิดตัวครอบคลุมทุกเซกเมนต์ในตลาดไทย เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ EV และ NEV Ecosystem
ด้วยนวัตกรรมด้านความปลอดภัยทั้งตัวยานยนต์ และเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำของแบตเตอรี่รถยนต์ อันเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งด้วยการตอบรับที่ดี BYD จึงได้จัดโปรโมชั่นที่มอบให้ทั้งสมาชิก BYD เก่า และที่กำลังจะเป็นลูกค้าใหม่ภายในบูธบีวายดี งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 นี้
ภายใต้แคมเปญ “Big Thanks” ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า บีวายดีทุกรุ่น ทุกคันตั้งแต่คันแรกตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 – 31 ธันวาคม 2566 ลุ้นรับรถ 3 คัน มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท (โดยกรอกแบบสอบถามผ่านทาง RÊVER Application ได้ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 66 – 31 ธ.ค. 66) และยังมีโปรโมชั่นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่นของบีวายดีอีกด้วย
สำหรับแคมเปญเด็ด ๆ อย่างเช่น BYD ATTO 3 สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566 ฟรี Cash Back 100,000 บาท ส่วนลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 28 พฤศจิกายน 2566 ฟรี Cash Back 100,000 บาท
ส่วนรุ่น BYD DOLPHIN นั้น สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 – 31 ธันวาคม 2566 ฟรี ! บริการบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.
ส่วนลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ตั้งแต่คันแรก วันที่ 7 กรกฎาคม 2566 – 31 ตุลาคม 2566 รับสิทธิพิเศษ ! บริการบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กม. (กรณีที่ลูกค้าเข้ารับบริการเช็คระยะ และได้ชำระค่าใช้จ่ายไปแล้วนั้น ลูกค้าสามารถนำใบเสร็จมารับเงินคืนได้ที่ศูนย์บริการที่ลูกค้าเข้ารับบริการ ภายในวันที่ 31 มกราคม 2567)
สำหรับรายละเอียดของโปรโมชันนั้น เราก็จัดมาให้ชมกันด้านล่างนี้เลย
