รีวิว XC90 Recharge T8 Plug-in Hybrid เรียบหรู สบายทุกที่นั่ง ทรงพลังและประหยัด

Spread the love

 

ในบรรดารถยนต์เอสยูวีขนาดกลางกึ่งใหญ่ระดับพรีเมียม XC90 Recharge T8 Plug-in Hybrid คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยความเป็นรถหรูฝั่งยุโรปที่มักจะให้เครื่องยนต์ทรงพลัง มีความหรูหราแล้ว ล่าสุดยังมาพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดที่นอกจากจะแรงมากขึ้นแล้ว ยังประหยัดกว่าเดิม แถมขับด้วยไฟฟ้าล้วนได้อีก

 

รูปทรงและดีไซน์ของวอลโว่ในแต่ละเจอเนเรชั่นยังคงเอกลักษณ์ ที่มองก็รู้ว่าเป็นแบรนด์นี้ เช่นเดียวกับ XC90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright รุ่นท็อปที่เราได้นำมาทดสอบกันนี้ ที่ยังคงการดีไซน์แบบสวีเดน แต่ปรับแต่งให้มีเสน่ห์และหรูหราตามยุคสมัยมากขึ้น ส่วนเทคโนโลยีก็ไม่ต้องกังวล เพราะค่ายนี้จะจัดมาให้แบบเต็ม ๆ อยู่แล้ว

 

 

XC90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ผสานการทำงานของเทอร์โบชาร์จให้กำลังสูงสุด 317 แรงม้าที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ใช้น้ำมันเบนซิน 95 หรือแก๊สโซฮอล์ E10

 

พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีความจุของแบตเตอรี่ 18.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง ปั่นไฟได้ 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 309 นิวตันเมตร เมื่อรวมกับกำลังเครื่องยนต์เบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้พละกำลังรวมอยู่ที่ 460 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 709 นิวตันเมตร สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 76.7 กิโลเมตร

 

โดยการชาร์จไฟฟ้านั้นหากชาร์จเร็วแบบ DC (150kW) ที่สถานีชาร์จสาธารณะจะใช้เวลา 32-37 นาที ชาร์จจาก 10% ถึง 80% แต่ถ้าชาร์จแบบปกติหรือ AC (11kW) ณ สถานีชาร์จ หรือวอลล์บ็อกซ์ภายในบ้านจะใช้เวลา 7-8 ชั่วโมงในการชาร์จจาก 0% ถึง 100%

 

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ AWD (แบ่งเป็นขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์/ล้อหน้า, มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง) ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Geartronic ซึ่งวอลโว่เคลมไว้ว่าอัตรากินน้ำมันเฉลี่ย 55.6 ลิตร/กิโลเมตร ในการขับขี่จริงก็ทำได้กับตัวเลขนี้ แต่ต้องนับการขับด้วยไฟฟ้าเข้าไปด้วย แต่ถ้าขับแบบปกติธรรมดาใช้ไฟฟ้าผสมผสานกับเครื่องยนต์ อัตรากินน้ำมันก็ประหยัดกว่าอีโคคาร์แน่นอนอยู่แล้ว

 

 

ด้านสมรรถนะไม่ต้องพูดถึง อัตราเร่งมาแบบเร็วไม่ต้องรอลุ้น แค่เครื่องเดิมที่มาพร้อมเทอร์โบชาร์จก็แรงจัดชัดเจนอยู่แล้ว เสริมด้วยพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไปอีก ทำให้ตัวรถที่ยาวเกือบ 5 เมตร น้ำหนักตัว 2 ตัน กลายเป็นรถที่ออกตัวได้ทันอกทันใจวัยรุ่นใจร้อน หรือผู้ใหญ่หลงไหลความเร็วได้ดีมากคันหนึ่งเลยทีเดียว

 

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง วอลโว่เคลมไว้ที่ 5.3 วินาที แม้ครั้งนี้จะไม่ได้ลองทดสอบอย่างเป็นทางการ แต่จากการกดคันเร่งคร่าว ๆ แบบแบตเตอรี่พร้อม ก็ได้ต่ำกว่า 7 วินาทีอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับตอนเร่งแซงที่ให้ความประทับใจไม่ต้องลุ้น เพราะพลังมีเหลือ ๆ ในทุกช่วงความเร็ว

 

ด้านระบบการขับขี่มีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น Pure Electric ระบบนี้จะใช้ได้เมื่อรถถูกชาร์จเสียบปลั้กแบตเตอร์รี่จนเต็ม โดยระบบจะเลือกใช้การทำงานของชุดมอเตอร์ไฟฟ้าทางด้านเพลาหลังเท่านั้นในการขับเคลื่อนในโหมดฟ้าล้วน

 

Hybrid Mode โหมดเลือกการขับขี่อัตโนมัติทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์กับระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อสร้างประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันดีที่สุด

 

Individual mode โหมดพิเศษสามารถปรับตั้งโปรแกรมเครื่องยนต์ เกียร์ และอื่น ๆ ตามผู้ขับ

 

Power Mode ใช้ในการสร้างสมรรถนะในการขับขี่สูงสุดในระหว่างการขับขี่ โดยใช้กำลังจากเครื่องยนต์เป็นสำคัญและเพิ่มประสิทธิภาพด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า

 

 

ช่วงล่างของ XC90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright รุ่นท็อปคันนี้ ใช่แชสซีแบบแอคทีฟพร้อมระบบกันสะเทือนด้วยถุงลม แบบปรับด้วยตัวเองสำหรับล้อทุกล้อ โดยจะรักษาความสูงในการขับขี่โดยอัตโนมัติ และทำการปรับโช้คอัพแต่ละตัวตามสภาพถนนและสภาพการขับขี่ในขณะนั้น

 

เช่นเดียวกับเมื่อเราใช้ความเร็วสูงขึ้น ระบบกันสะเทือนด้วยอากาศจะลดระดับของรถลงโดยอัตโนมัติ เพื่อลดแรงต้านอากาศและเพิ่มเสถียรภาพให้สูงขึ้น ส่วนเมื่อเราเลือกในโหมดออฟโรดตัวรถก็จะเพิ่มระยะห่างจากพื้นเพื่อช่วยในการขับขี่บนถนนที่ขรุขระ

 

ข่วงล่างจึงให้ความนุ่มแบบหนึบแน่น ไม่ได้นุ่มย้วย การขับผ่านเส้นทางขรุขระ หรือพื้นถนนที่ไม่เรียบก็ไม่ได้ทำให้ทั้งคนขับและผู้โดยสารต้องกระเด้งกระดอน เช่นเดียวกับช่วงความเร็วสูง ๆ ที่ให้ความมั่นใจได้มาก ทั้งการทรงตัว การเปลี่ยนเลน การควบคุมรถ ทุกอย่างเป็นไปแบบง่ายดาย สมศักดิ์ศรีพรีเมียมยุโรป

 

เบรคก็ให้ความมั่นใจได้ดีไม่มีต้านเท้า เรียกได้ว่ามั่นใจได้มากทีเดียว ส่วนเกียร์อัตโนมัติแบบ Geartronic 8 จังหวะก็สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น แถมหัวเกียร์ยังทำจากคริสตัลแท้ทั้งแท่ง ด้วยช่างแก้วฝีมือเยี่ยมของ Orrefors® แห่งสวีเดนดูแล้วไม่เหมือนหัวเกียร์แบบที่คุ้นเคยเลย

 

โดยข้าง ๆ เกียร์แสนสวยก็จะมีที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายไว้ให้ใช้งานด้วยเช่นกัน รวมไปถึงปุ่มสตาร์ทและดับเครื่องยนต์แบบใช้มือบิดไปทางด้านขวาในทางเดียวกัน และใกล้ ๆ กันก็เป็นที่วางแก้ว ซึ่งวางได้ 2 ใบ ส่วนด้านข้างประตูไม่ต้องสืบ เพราะไม่มีที่วางได้เลย แต่ก็สามารถใส่ของอย่างอื่นได้

 

 

พวงมาลัยทรงสปอร์ต 3 ก้านจับกระชับมือ มาพร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่นขนาดใหญ่ ทั้งปุ่ม Cruise Control ระบบตั้งค่าการทำงานระบบกึ่งขับขี่อัตโนมัติ Pilot Assist ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินตกแต่ง ด้านหลังพวงมาลัยเป็นจอมาตรวัดแสดงผลกราฟฟิกสีขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมมาตรวัดความเร็ว รอบเครื่องยนต์ ปริมาณน้ำมัน ที่ดูได้แบบชัดเจนสบายตา

 

คอนโซลกลางมาพร้อมจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว จอที่เหมือนจอแท็บเล็ตนี้จะแสดงผลตรงกลางขนาดใหญ่พร้อมหน้าจอสัมผัสทที่สามารถควบคุมฟังก์ชันการทำงานต่าง ๆ สามารถตั้งค่าที่เกี่ยวเนื่องกับตัวรถ อาทิ โหมดการขับขี่ การตั้งระบบล็อกประตูอัตโนมัติ ตั้งโทนไฟภายในห้องโดยสารที่สามารถเลือกสีได้หลายสี ปรับเสียงวิทยุ รวมถึงปรับการทำงานแอร์

 

และที่สำคัญคือเราสามารถเข้าถึงแอปและบริการของ Google ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว เพราะวอลโว่ใส่มาเป็นซอฟต์แวร์ในตัวอยู่แล้ว การเริ่มต้นใช้งานก็แค่สแกนคิวอาร์โค้ดหน้าจอ แล้วก็ลงทะเบียนกับแอคเคาท์ของกูเกิลได้เลย คราวนี้เราก็สามารถสั่งงาน Google Assistant ใช้ Google Maps รวมไปถึงร้านค้า Google Play ได้อย่างรวดเร็ว

 

ส่วนสาวกแอปเปิลก็สามารถใช้งาน Apple CarPlay ที่ช่วยเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ระบบ iOS ได้เช่นกัน รวมไปถึงยังใส่ซอฟต์แวร์ระบบนำทางผ่านดาวเทียมมาให้ในตัวแล้วด้วย ซึ่งการแสดงผลก็ประทับใจมาก เพราะถ้าเราเลือกแบบภาพสามมิติแล้ว จะเห็นแม้กระทั่งหลังคาโบส์ถเลยทีเดียว

 

นอกจากนี้ด้านล่างของจอแสดงผล ระบบเลือกฟีเจอร์ที่เราใช้งานบ่อยที่สุด ออกมาแสดง เพื่อให้คนขับสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้การจัดเรียงปุ่มส่วนใหญ่บนหน้าจอสัมผัสผู้ขับก็สามารถกำหนดได้ตามความต้องการ ติดอย่างเดียวคือหน้าจอคมชัดมากก็จริง แต่ก็เกิดรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย

 

สิ่งที่ชอบมาก ๆ อีกอย่างหนึ่งคือหลังคากระจกแบบพาโนรามาของเราช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งและสว่าง เปิดได้โดยการสัมผัสเพียงปุ่มเดียว ซึ่งกระจกนี้ยังช่วยปกป้องจากการแผ่รังสี UV ได้เช่นเดียวกับม่านบังแดดแบบทำงานด้วยระบบไฟฟ้าที่เป็นผ้าแบบมีลายฉลุ จะช่วยลดแสงสะท้อนในวันที่แดดจัดได้ดีเช่นกัน

 

 

ไฟหน้าแบบ LED ส่องสว่างได้จนไม่ต้องกลัวความมืดอีกต่อไป ช่วยทัศนวิสัยที่ดีในตอนกลางคืน และที่สำคัญคือจะปรับรูปแบบของลำแสงอยู่ตลอดเวลา สามารถเปิดไฟสูงไว้ตลอดเวลาได้ เพราะเมื่อมีรถขับสวนมาหรือเมื่อขับตามหลังรถคันอื่น ไฟหน้าจะได้รับการปรับให้อยู่ในระดับที่จำเป็นโดยไม่ที่ทำให้คนขับรถคันอื่นตาพร่ามัวและด่าบุพการีลับหลัง

 

กล้องแบบ 360° พร้อมเซนเซอร์ด้านข้าง มีมุมมองต่าง ๆ 5 มุมมอง มีมุมมองจากด้านบนของรถและบริเวณโดยรอบที่ใช้งานได้อย่างสะดวก สามารถเลือกดูมุมมองด้านหลังหรือด้านหน้ารถรวมถึงมุมมองแยกจราจรได้ ซึ่งเซนเซอร์ด้านข้างช่วยแจ้งเตือนเกี่ยวกับวัตถุที่อยู่ด้านข้างของรถ

 

นอกจากนี้ มุมมองด้านหลังยังมีเส้นไกด์ที่บอกแนวการเข้าจอดเพื่อให้จอดรถได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถแสดงภาพขยายของบริเวณใกล้ตัวรถได้อีกด้วย ช่วยอำนวยความสะดวกในหลายสถานการณ์ และถ้าเข้าใกล้สิ่งกีดขวางที่อยู่ด้านหลังรถ ระบบจะทำการเบรกให้โดยอัตโนมัติ

 

ด้านระบบช่วยจอดที่ครอบคลุมด้านหน้า, ด้านหลัง และด้านข้างของรถนั้น เมื่อรถเข้าใกล้สิ่งกีดขวางอย่างใดอย่างหนึ่ง จะได้รับการแจ้งเตือนด้วยเสียงที่ดังเป็นจังหวะจากลำโพงด้านหลังหรือด้านหน้า และภาพกราฟิกที่แสดงขึ้นบนจอแสดงผลส่วนกลาง ความถี่ของเสียงเตือนจะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณเข้าใกล้สิ่งกีดขวางมากขึ้น และระบบจะสามารถทำการเบรกโดยอัตโนมัติได้หากผู้ขับไม่ตอบสนองเช่นกัน

 

ระบบ Pilot Assist ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ เหมาะที่จะใช้กับการขับเส้นทางตรง ๆ แทบจะไม่ต้องจับพวงมาลัยกันเลยที่เดียว แต่ถ้าหากเข้าโค้งนิดหน่อยระบบจะส่งเตือนให้ผู้ขับขี่บังคับพวงมาลัยตามโค้งเพื่อความปลอดภัย แต่ระบบนี้ต้องทำงานร่วมกับล็อคความเร็วแปรผันอัตโนมัติหรือ Adaptive Cruise Control ด้วยนะ

 

การตั้งค่าการขับขี่กึ่งอัตโนมัติจะช่วยให้การขับขี่ที่ราบรื่นเป็นธรรมชาติ ตั้งแต่หยุดนิ่งไปจนถึงความเร็วระดับทางด่วนพิเศษ ระบบนี้จะรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้าโดยการปรับความเร็วของรถ พร้อมกับช่วยรักษาให้รถอยู่ที่ตำแหน่งกึ่งกลางของช่องทางเดินรถโดยการปรับการบังคับเลี้ยวเล็กน้อย ซึ่งผู้ขับก็ต้องจับพวงมาลัยไว้ด้วย

 

แต่ถ้ารถตรวจไม่พบการดำเนินการใด ๆ ของคนขับหลังจากการเตือนหลายครั้ง รถสามารถลดความเร็วลงโดยอัตโนมัติจนหยุดนิ่ง พร้อมกับสั่งงานไฟเตือนฉุกเฉินและทำการเชื่อมต่อกับการบริการฉุกเฉิน

 

 

ส่วนระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชั่นหยุด/ออกตัวโดยอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control with Queue Assist จะช่วยให้คนขับสามารถใช้งานได้ในสภาพการจราจรแบบขับ ๆ หยุด ๆ สามารถขับตามหลังรถคันข้างหน้าและเบรกโดยอัตโนมัติจนหยุดนิ่งได้

 

สามารถขับตามต่อไปในทันทีที่รถคันหน้าเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้งได้ และถ้าคนขับไม่ได้สังเกตว่าการจราจรข้างหน้าเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง รถสามารถแจ้งเตือนเพื่อให้เริ่มการขับขี่ต่อไป เมื่อระบบปิดการทำงาน ระบบจะแจ้งให้ทราบโดยการสั่นสะเทือนเบา ๆ ที่พวงมาลัย เรียกได้ว่าเซ็นเซอร์ทำงานอยู่ตลอดเวลาเลยทีเดียว

 

ด้านระบบปรับอากาศนั้นจะเป็นระบบควบคุมสภาพอากาศแบบ 4 โซนทำให้คนขับ, ผู้โดยสารบนที่นั่งด้านหน้า และผู้โดยสารบนที่นั่งด้านหลัง สามารถสร้างโซนสภาพอากาศตามความต้องการส่วนตัวของแต่ละคนได้ ทั้งการควบคุมอุณหภูมิ การกระจายอากาศและความเร็วพัดลม

 

โดยการใช้จอแสดงผลส่วนกลางพร้อมหน้าจอสัมผัส และทั้งคนขับและผู้โดยสารบนที่นั่งด้านหน้าจะสามารถทำการตั้งค่าเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ส่วนผู้โดยสารที่ตำแหน่งที่นั่งด้านหลังตัวนอกจะปรับอุณหภูมิและความเร็วของพัดลมแยกเฉพาะบุคคลได้ ผ่านแผงควบคุมแบบสัมผัส

 

และดีขึ้นไปอีกกับระบบเครื่องฟอกอากาศสุดล้ำสมัยในระบบคุณภาพอากาศที่มีเป็นครั้งแรกในโลก ป้องกันไม่ให้ฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นอันตรายเข้าไปในห้องโดยสารได้ถึง 95 เปอร์เซ็นต์

 

ระบบเครื่องเสียงระดับไฮเอ็นด์กำลังขับ 1,410 วัตต์ ที่พัฒนาร่วมกับ Bowers & Wilkins ลำโพงระดับ Hi-Fi แยกตัวจำนวน 19 ตัว รวมถึงลำโพงตรงกลางที่มีลำโพงทวีตเตอร์อยู่ด้านบน ให้เสียงที่คมชัดและกระหึ่มแบบน่าพึงพอใจอย่างมาก แถมยังสร้างโหมดการจำลองสภาพห้อง 4 โหมด รวมถึงโหมด ‘ห้องแสดงคอนเสิร์ต’ และ ‘คลับดนตรีแจ๊ส’ เป็นต้น

 

 

เบาะที่นั่งด้านหน้าแบบปรับไฟฟ้า เรียกได้ว่าสามารถปรับได้หลายรูปแบบ สูงต่ำ เอน ยกขึ้น ยกลง ได้แบบสบายและเข้ากับสรีระของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี ซึ่งรวมถึงเบาะคนนั่งด้านข้างก็ปรับได้น่าพอใจเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีหน่วยความจำ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น

 

เช่นเดียวกับเบาะนั่งแถวที่ 2 นับว่าให้ความสบายได้เช่นเดียวกัน แต่ละตัวจะสามารถเลื่อนและปรับเอนแยกกันเพื่อความสบายสามารถปรับตามความต้องการส่วนตัวของผู้โดยสารแต่ละคนได้ เฮดรูมและเลครูมมีพื้นที่เหลือเฟือเหยียดขาได้เต็มที่ ตรงกลางมีพนักพิงแขนและที่วางแก้วมาให้ มีช่องแอร์ปรับอุณหภูมิปรับระดับความเย็นได้

 

นอกจากนี้เบาะนั่งตรงกลางตอน 2 เลื่อนขึ้นซ้อนเป็นที่นั่งสำหรับเป็น Car Seat สำหรับเด็กอายุไม่เกิน 3 ขวบได้อีกด้วย แต่จะติดอย่างหนึ่งคือเบาะแถวที่ 2 ในการปรับนั้น น่าจะเป็นแบบไฟฟ้าสักหน่อย เพราะการปรับเบาะถึงมันจะง่ายแต่ก็ต้องใช้แรงเช่นเดียวกัน

 

ส่วนที่นั่งแถวที่ 3 จะสามารถรองรับผู้โดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 170 ซม. จำนวน 2 คนได้อย่างสบายด้วยพื้นที่วางขาที่มีขนาดใหญ่เช่นกัน ทำให้ผู้โดยสารทั้ง 7 คนสามารถเดินทางร่วมกันได้อย่างสะดวกสบาย และที่ชอบที่สุดคือการพับเบาะทั้งสองแถวด้านหลัง เราจะได้พื้นที่ราบเรียบเสมอกัน ซึ่งนอกจากจะสามารถวางของได้ดีแล้ว ยังสามารถใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนในเวลาที่ไปแคมปปิ้งหรือนอนชมทะเล นอนรับลมหนาวแบบเบา ๆ ได้

 

เช่นเดียวกับฝาท้ายรถยุคนี้ที่จะต้องมีระบบเปิด/ปิดฝากระโปรงท้ายรถไฟฟ้าแบบไม่ต้องใช้มือ (Hand-Free Opening and Closing of the Power- Operated Booth/Trunk-Lid) ฝาท้ายก็จะเปิดขึ้นและปิดเองด้วยระบบไฟฟ้า เพียงแค่เตะปลายเท้าไปที่ใต้กันชนหลังด้านซ้ายเซนเซอร์คอยจับสัญญาณการเตะปลายเท้าไว้ เพียงแต่ว่าขอให้ตัวกุญแจอัจฉริยะอยู่กับตัวรถไว้และอย่าไปแหย่ผิดฝั่งก็พอ และยังมีระบบปรับความสูงต่ำของด้านท้ายรถเพื่อสะดวกในการขนของ เก๋เข้าไปอีก

 

 

สรุปการขับขี่ของ XC90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright คันนี้ ด้านความปลอดภัยคงยกไปเลยไม่จำเป็นต้องพูดถึงมากนักสำหรับรถแบรนด์นี้ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นเบอร์ต้น ๆ ของอุตสาหกรรมนี้อยู่แล้ว จัดมาให้ครบ จัดมาให้เต็มแบบเกินหน้าเกินตาคู่แข่งทุกค่ายทุกรุ่นอยู่แล้ว เช่นเดียวกับความสะดวกสบายที่จัดมาให้แบบครบ ๆ เต็ม ๆ ไม่ต้องไปหาอะไรเพิ่มอีก

 

ด้านพละกำลังก็มีมาให้แบบเหลือ ๆ เร็ว แรง และควบคุมได้ง่ายแบบรถสปอร์ตที่เชื่องมือคันนึง อัตราเร่งมาอย่างรวดเร็ว และพร้อมเสมอทุกการแซงและการเรียกพละกำลัง และที่สำคัญคือความประกยัดในระดับอีโคคาร์ ส่วนการทำงานของช่วงล่าง การบังคับควบคุมรถ การเบรค เรียกได้ว่าทำได้แบบให้ความมั่นใจกับผู้ขับขี่ได้ทั้งการเดินทางในเมือง และการเดินทางไกล ไปไหนมามาไหนได้ 7 ที่นั่งแบบสบาย ๆ

 

สำหรับใครที่จะหารถอเนกประสงค์สักคันเพื่อใช้งาน มีขนาดตัวเหมาะสม กระฉับกระเฉง หรู และครบทุกฟังก์ชันการใช้งาน XC90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ส่วนดีไซน์นั้นก็ต้องบอกว่าแล้วแค่คนชอบ ส่วนตัวมองว่ารถคันนี้เรียบหรู ดูแล้วไม่เบื่อ มีเส้นสายและการออกแบบที่ยิ่งมองยิ่งสวย แม้ภายในจะไม่ได้แพวพราวด้านสีสัน และแสงสี แต่ก็ดูหรูแบบเรียบ ๆ เหมาะกับคนที่ชอบแนวขรึม ๆ หน่อย

 

XC90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright  รุ่นท็อปคันนี้ราคา 4,690,000 มาแบบครบและออปชันจัดเต็ม และยังมีรุ่น XC90 Recharge Plus T8 Plug-in Hybrid Dark ที่ออปชันน้อยกว่านิดหน่อย สเปคบางอย่างไม่เหมือนกัน การตกแต่งไม่ได้จัดเต็ม และไม่ใช่ช่วงล่างแบบถุงลม แต่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน จำหน่ายในราคา 4,090,000 บาท 

 

มาพร้อมบริการรับประกันคุณภาพ 3 ปีหรือ 100,000 (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) บริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง นาน 1 ปี รับประกันคุณภาพแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)

 

ขอบคุณ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ที่ให้ยืมรถทดสอบด้วยนะครับ 

 

Scroll to Top