รีวิวจุดดีจุดด้อย BYD SEALION 6 DM-i ไปเชียงราย 828 กิโลเมตร

Spread the love

 

ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าของบีวายดีขณะนี้น่าจะทะลุ 60,000 คันไปแล้ว หลังจากการเปิดตัวและทำตลาดอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 ด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น และล่าสุดได้เริ่มทำตลาดเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่เรียกว่า DM-i

 

เริ่มต้นด้วยรุ่น SEALION 6 DM-i และในปีนี้จะมีรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์ 6 DM-i เข้าสู่ตลาดอีกในเร็วๆ นี้ ตามคำยืนยันจากผู้บริการเรเว่ ออโตโมทีฟ

 

แน่นอนว่าบีวายดีเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ของจีน เลือกที่จะเข้าสู่ตลาดเมืองไทยด้วยรถยนต์ไฟฟ้าล้วน แม้ว่าในขณะนั้นจะมีค่ายรถยนต์นำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าออกสู่ตลาดมาก่อนหน้านี้ แต่ก็เรียกได้ว่ายังไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก แตกต่างจากบีวายดีที่แม้จะนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าล้วนมาขายเพียงอย่างเดียว แต่ก็สามารถสร้างปรากฏการณ์รอต่อแถวซื้อกันแบบข้ามคืน และสร้างยอดขายเมื่อครบ 1 ปีแรกไปกว่า 30,000 คัน

 

 

ด้วยความเชื่อมั่นในแบรนด์ ความเป็นยักษ์ใหญ่ของจีน รวมไปถึงการมีมืออาชีพอย่างเรเว่ ออโตโมทีฟ ที่เคยบริหารแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นมาก่อนเป็นผู้บริหารจัดการ ทำให้บีวายดีเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

 

การวางรากฐานทั้งสร้างโรงงานบนพื้นที่กว่า 600 ไร่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จังหวัดระยอง สร้างคลังอะไหล่แบบครบวงจร รวมทั้งศูนย์บริการซึ่งปัจจุบันมี 142 แห่งทั่วประเทศ การเตรียมความพร้อมทุกด้านแบบนี้ ทำให้วันนี้บีวายดีเริ่มขยายตลาดมาสู่รถในกลุ่มไฮบริด ซึ่งนับเป็นรถยนต์พลังงานใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก

 

โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใจร้อนไม่อยากจะเสียเวลารอคอยการชาร์จไฟ เรียกได้ว่าปูพื้นฐานอีโคซิสเต็มมาพอสมควร จึงนำรถยนต์ที่มีความซับซ้อนแบบไฮบริดเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง

 

 

SEALION 6 DM-i ใช้เทคโนโลยี DM-i หรือ Dual Mode intelligent ของ BYD เป็นระบบ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ที่สามารถชาร์จไฟฟ้าจากภายนอก โดยมีเครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานเสริมให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เพื่อประสิทธิภาพการส่งกำลังสูงสุด

 

โดยเครื่องยนต์จะทำงานเพื่อการขับเคลื่อนโดยตรงเมื่อต้องการพละกำลัง เช่น การเร่งแซง หรือเมื่อแบตเตอรี่มีระดับพลังงานต่ำ เรียกได้ว่ารถลูกผสมคันนี้จะใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อนเป็นหลักนั่นเอง

 

เรเว่ ออโตโมทีฟ ได้ส่งจดหมายเชิญ Techmove Auto เข้าร่วมทดสอบสมรรถนะ BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid รุ่น Premium รถยนต์ C-SUV ขนาดใหญ่ 5 ที่นั่ง 5 ประตู โดยมีปลายทางอยู่ที่จังหวัดเชียงราย เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและเรเว่ ภายใต้โครงการ BYD REVER Social Club – Defining Moment

 

 

โดยจุดหมายของกิจกรรมเป็น ‘บอลลูนเฟียสต้า 2025’ เทศกาลบอลลูนนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จัดขึ้น ณ สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย ซึ่งในวันงาน ผู้โชคดี 40 ครอบครัว ได้เข้าร่วมกิจกรรม บริเวณ Exclusive Zone และเวทีหลัก ที่มีกิจกรรมให้ทุกคนเพลิดเพลินทั้งกิจกรรมระบายสีบอลลูนจำลอง และ Body Painting Workshop

 

รวมไปถึงยังสนุกไปกับการขึ้นบอลลูน และการแสดงหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงค่ำ ทั้งการแข่งขันบอลลูนสีสันสดใสมากกว่า 30 ลูกจาก 13 ประเทศ, การแสดงโขน, Balloon Magic Night Glow และคอนเสิร์ตโดยนักร้องชื่อดังมากมาย

 

การขับรถไปเชียงรายครั้งนี้รวมระยะทางขาไปทั้งสิ้น 828 กิโลเมตร ดังนั้นเราจึงได้สัมผัสกับสมรรถนะของ BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid มาพร้อมเทคโนโลยี DM-i กันแบบเต็ม ๆ งานนี้ในช่วงแรกทางเรเว่ได้ชาร์จไฟรถทุกคันให้เรียบร้อยแล้ว เราจึงสามารถใช้งานในโหมด EV ล้วนที่สามารถวิ่งไฟฟ้าล้วนได้ถึง 90 กิโลเมตร เพราะมีแบตเตอรี่ขับเคลื่อนขนาด 18.3 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงเป็นตัวให้พลังงาน

 

การเดินทางในช่วงแรกอยู่ในเมืองเป็นหลัก ดังนั้นจึงได้ระยะทางที่น่าพอใจ แต่ก็ไม่ได้ดูว่าใช้ไฟฟ้าไปเท่าไร เพราะมัวแต่สนใจลูกเล่นอื่นๆ ของรถที่มีมาให้แบบไม่กั๊ก และเมื่อเราออกเดินทางกันแบบจริงจัง เครื่องยนต์ Xiaoyun เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ก็เริ่มมีบทบาทเข้ามาช่วยเหลือ

 

โดยเมื่อรวมพละกำลังทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ BYD SEALION 6 DM-i ก็จะมีพละพลังอยู่ที่ 218 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร เรียกได้ว่าพลังมากมายขนาดนี้ตอบโจทย์คนเท้าหนักได้เป็นอย่างดี

 

 

สมรรถนะเครื่องยนต์ไม่ได้เป็นปัญหาเพราะกำลังของของรถพร้อมที่จะทำตามใจต้องการ แม้จะไม่ได้จี๊ดจ๊าด แต่ก็เรียกได้ว่าทันอกทันใจ แต่สำหรับในส่วนของช่วงล่างนั้น หากเป็นคนที่ชอบขับรถเร็วและซอกแซกไปมา อาจจะไม่ชอบสักเท่าไร เพราะไม่ค่อยจะหนึบแน่นนัก เหมาะกับการชับชิว ๆ สบาย ๆ เป็นพ่อบ้านสายสบายซะมากกว่า ดีที่ว่าน้ำหนักพวงมาลัยสามารถปรับให้เหมาะกับการขับขี่ได้ เลยทำให้การเดินทางมั่นคงขึ้น

 

เบาะนั่งในตำแหน่งคนขับนั้นสบายพอตัวเปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง เช่นเดียวกับเบาะหน้าด้านข้างปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง ส่วนเบาะหลังนั้นเราสามารถที่จะปรับให้ตั้งตรง หรือเอนไปด้านหลังได้อีกหน่อย ก็สบายเช่นกัน แต่อยากให้ตัวเบาะแน่นกว่านี้สักหน่อย เพราะดูเหมือนว่าจะนุ่มไป (อันนี้อาจจะเป็นความชอบส่วนตัว ที่ชอบแบบนุ่มแน่น) ส่วนพื้นที่วางขา พื้นที่วางแขนที่มีช่องวางแก้วน้ำได้ จัดว่าเป็นมุมสบายได้เป็นอย่างดีทีเดียว

 

ถึงแม้ช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut ระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบ Multi-link ของคันนี้จะไม่เหมาะสำหรับการขับซิ่ง แต่สำหรับผู้โดยสารนั้นต้องบอกได้ว่าเป็นรถที่นั่งแล้วไม่เวียนหัว แม้จะผ่านโค้งมากมายในช่วงลำพูนลำปาง หรือการขับเลาะไหล่เขาช่วงเชียงราย งานนี้ครอบครัวไหนที่เน้นคนนั่งด้านหลังบอกได้ว่า BYD SEALION 6 DM-i ตอบโจทย์ แถมยังนั่ง 5 คนได้แบบสบาย ๆ และมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลังให้อีกด้วย

 

ด้านวัสดุภายในไม่ได้เด่นจนต้องว้าว แต่ก็ไม่ได้แย่จนร้องยี้เช่นกัน ต้องบอกเลยว่าดีกว่าราคาที่จ่ายไปมากแล้ว กับรถราคาเกินล้านมาไม่กี่หมื่น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งในพิกัดเดียวกันที่แพงกว่ากันหลายแสน นอกจากนี้ด้วยออปชันที่ให้มาแบบล้น ๆ ทั้งด้านความบันเทิง หรือหลังคากระจก Panoramic Roof ที่สามารถเปิดเพื่อโผล่หัวออกไปรับลมได้เกือบครึ่งของหลังคา แค่นี้ก็สุนทรีย์ในการเดินทางชมหมอกในช่วงฤดูหนาว หรือรับลมริมทะเลในช่วงฤดูร้อนกันแล้ว

 

 

ลูกเล่นอย่างระบบแสงไฟในห้องโดยสารปรับตามจังหวะ RGB Dynamic Mood Lights ซึ่งสามารถเลือกได้อย่างหลากหลาย ระบบกรองฝุ่น PM2.5 ที่จะเทียบให้ดูว่าตอนนี้ในรถมีค่าฝุ่นเท่าไร และข้างนอกมีแค่ไหน อันนี้ก็เหมาะกับคนที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพกันแบบไม่ต้องกังวล

 

นอกจากนี้ยังมีหน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen แบบหมุนปรับด้วยไฟฟ้า ขนาด 15.6 นิ้ว กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศาที่ชัดมาก ระบบเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay ระบบ Music Streaming ระบบสั่งการด้วยเสียง ระบบนำทาง Satellite Navigationชุดเครื่องเสียง พร้อมลำโพง 9 ตำแหน่ง และระบบอัปเดท Software ออนไลน์ (OTA) ที่ไม่จำเป็นต้องขับเข้าไปอัปเกรดระบบที่ศูนย์บริการเลย

 

สำหรับสายโซเชียลเล่นทั้งวันก็ไม่ต้องหวั่น เพราะรุ่นนี้ให้ช่องชาร์จ USB-C ด้านหน้าและหลัง รวม 2 ตำแหน่งช่องชาร์จ USB-A ด้านหน้าและหลัง รวม 2 ตำแหน่ง แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย Wireless Charger 15W อีก 2 ตำแหน่ง ดังนั้นนั่งกันกี่คนก็ได้ชาร์จไฟกันทุกคนแบบไม่ต้องแย่งกัน ที่กล่าวมานี้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีฟีเจอร์อีกมากมายที่ถ้าบอกหมดก็จะยาวเกินไป

 

 

ในยามค่ำคืนนั้นแสงไฟในรถสวยงามตามที่เราปรับตั้งไว้ ส่วนไฟส่องส่ว่างภายในนอกก็เรียกได้ว่าสว่างดี แต่อยากให้ปรับมุมองศาไฟหน้าให้สาดไปไกลมากกว่าที่เป็นอยู่อีกสักนิด เพราะรู้สึกว่าไฟส่องในระยะใกล้เกินไป ทำให้ต้องเปิดไฟสูงบ่อยครั้ง ส่วนแสงที่กระจายไปด้านข้างนั้นจัดว่าดีอยู่แล้ว 

 

ในโหมดการขับขี่นั้นเราตั้งไว้แบบอัตโนมัติให้รถจัดสรรให้เรา โดยภาพรวมของเทคโนโลยี DM-i นั้นก็จะเน้นใช้การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเป็นหลัก เมื่อพลังในแบตเตอรี่ลดลง เครื่องยนต์ก็จะทำหน้าที่ปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่ อาจจะมีที่ต้องทำงานบ้างในช่วงที่เราเร่งแซง หรือต้องการพละกำลังมาก ๆ เครื่องยนต์ถึงจะเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ถ้าขับแบบชิว ๆ สบาย ๆ เครื่องยนต์ก็จะหมุนเพื่อปั่นไฟอย่างเดียว ดังนั้นจึงประหยัดได้แบบหายห่วง

 

 

ทริปการเดินทางครั้งนี้เราพบว่าโหมด eco คือโหมดที่เป็นมิตรที่สุดกับเรา เพราะแม้จะอยู่ในโหมดนี้ รถก็ยังคงปล่อยให้พลังมากมายจนเกินพอ แต่ถ้าเราเปลี่ยนไปใช้โหมด Normal ก็จะกินพลังงานมากเกินไปหน่อย แม้จะขับลักษณะเดียวกัน ส่วนโหมดสปอร์ตนั้นไม่ได้ลอง เพราะเรารู้สึกว่าไม่จำเป็นในทริปนี้

 

ในการเดินทางครั้งนี้ส่วนใหญ่จะเน้นการขับเป็นขบวน แต่ก็มีหลายช่วงที่เราสามารถได้ใช้พละกำลังของรถกันแบบเต็ม ๆ ซึ่งก็เรียกได้ว่าทันอกทันใจ หรือแม้แต่การกำหนดให้ใช้โหมดไฟฟ้าล้วน เมื่อเราใช้งานกันในตัวเมืองเชียงราย BYD SEALION 6 DM-i ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะการใช้งานทั้งวันภายใต้ระยะทางไม่เกิน 80 กิโลเมตร เราแทบไม่จำเป็นต้องติดเครื่องยนต์เพื่อช่วยปั่นไฟเลย

 

ช่วงเดินทางกลับนั้นเราขอแยกออกจากขบวนก่อนเพื่อไปทำภารกิจ ซึ่งจริง ๆ คืออยากทดสอบสมรรถนะกันแบบเดี่ยว ๆ แบบเต็ม ๆ ใช้งานกันแบบจริตครอบครัว ที่ชอบแวะโน่นนี่นั่น ขับเร็วบ้างช้าบ้างสลับกันไป และเราก็ได้พบว่า BYD SEALION 6 DM-i คันนี้เหมาะสำหรับเป็นรถครอบครัวที่สมบูรณ์แบบคันหนึ่ง ทั้งความสบายในการโดยสาร ออปชันที่มีมาให้ใช้งานกันมากมายทั้งความบังเทิง การใช้งานทั่วไป หรือฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ต้องบอกเลยว่าจัดหนักจัดเต็มมากๆ

 

 

การตอบสนองเครื่องยนต์แม้จะไม่ได้จี๊ดจ๊าด แต่ก็แรงนะ มีพละกำลังแบบเหลือ ๆ พอที่จะฉีกหน้าพวกกระบะบ้าพลังได้แบบสบาย ๆ ส่วนช่วงล่างนั้นต้องบอกว่าด้วยการเซ็ตพวงมาลัยมาดี ทำให้เราสามารถขับความเร็วสูงแบบไม่หวิว ซิ่งไม่เกิน 140 กิโลเมตรไปได้แบบสบาย ๆ แต่หากจะขับแบบมุดซ้ายมุดขวาแบบหนัก ๆ อันนี้ต้องบอกว่าพักก่อน ส่วนผู้โดยสารนั้นต้องบอกว่าเป็นรถอีกคันนึงที่ให้ความสบายในการเดินทางได้แบบมีความสุขกันทั้งครอบครัว

 

ทั้งนี้การเลือกรถยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริดนั้น เจ้าของจะต้องดูแลทั้งส่วนของเครื่องยนต์และระบบแบตเตอรี่ จึงน่าจะเป็นความท้าทายค่อนข้างมากสำหรับแบรนด์น้องใหม่อย่างบีวายดี ที่ต้องตอบโจทย์เรื่องการซ่อมบำรุงให้ครอบคลุมทุกอย่าง เพราะการนำเสนอรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดช่วยขยายตลาดให้เติบโตที่ดีในเมืองไทยก็จริง แต่ความพร้อมในส่วนหลังบ้านคือความท้าทายที่จะทำให้การทำตลาดเติบโตได้แบบยั่งยืน

 

เพราะคนไทยนั้นนอกจากจะชอบเทคโนโลยีที่ทันสมัยแล้ว การบริการหลังการขายก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เห็นได้จากหลายแบรนด์ที่แม้จะมีราคาแพงแต่ไร้ออปชันดี ๆ ก็ยังคงครองใจได้ เพราะบริการหลังการขายและการตอบสนองด้านอะไหล่ที่ทำให้การซ่อมบำรุงไม่ต้องรอนาน อย่าปล่อยให้ปัญหาเล็กน้อยเรื่องการรออะไหล่กลายเป็นเรื่องบานปลาย เพราะบางคนถ้ารักได้ก็เกลียดแบบแค้นฝังหุ่นได้เช่นกัน

 

Scroll to Top