ตามที่ คณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับข่าวสารเรื่องการยกเลิกการประมูลดาวเทียม ตำแหน่งวงโคจร 50.5E 51E และ 142E เนื่องจากไม่มีเอกชนเข้ามายื่นเอกสารเพื่อเข้าร่วมการประมูล รวมทั้งมีประเด็นเรื่องการให้สิทธิดาวเทียมต่างชาติในการประกอบธุรกิจในประเทศไทย (Landing Right)
กมธ. จึงได้จัดประชุม โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ดังนี้ 1. เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) 2. ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติ (กสทช.)
3. กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และ 4. ผู้แทนจากบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม 2567 เวลา 9.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ ชั้น 3 อาคารรัฐสภา
โดยที่ประชุมได้หารือเพื่อขอทราบสภาวการณ์ในปัจจุบันของผู้ประกอบการดาวเทียมไทยต่อกฎหมาย Landing Right และกฎระเบียบอื่น ๆ เพื่อหาแนวทางในการส่งเสริมการประกอบธุรกิจดาวเทียมในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริม และคุ้มครองให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ
รวมถึงแนวทางในการบริหารจัดการสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า กิจการดาวเทียมนั้นเป็นกิจการที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้อย่างมหาศาล และยังมีมิติทางด้านความมั่นคงที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญต่อการประกอบธุรกิจดาวเทียมในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ
คณะ กมธ. เห็นว่า แนวโน้มการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีอวกาศมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว หากแต่กฎ ระเบียบ ข้อบังคับของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่สามารถรองรับกับการพัฒนาและการประกอบธุรกิจด้านดาวเทียมของประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน
ดังนั้น คณะกมธ.ได้เห็นถึงความสำคัญ และเห็นว่าควรตั้งคณะอนุ กมธ. ที่ประกอบด้วยองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันหาแนวทาง และเปิดพื้นที่ให้มีการหารือถึงอุปสรรคปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการดาวเทียม และกำหนดแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจดาวเทียมอย่างเป็นรูปธรรม และสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านอวกาศให้ได้ทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ ต่อไป
นอกจากนี้ คณะ กมธ. ยังมีความเห็นในประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำในการดำเนินกิจการดาวเทียมระหว่างผู้ประกอบการไทยที่เสียเปรียบต่อผู้ประกอบการต่างชาติ ส่งผลให้เป็นอุปสรรคต่อผู้ประกอบการไทย และไม่สามารถประกอบธุรกิจดาวเทียมของไทยได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น กมธ. จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรึกษาหารือกัน เพื่อร่วมกันหาทางออกในเรื่องนี้โดยเร็ว
