ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ มองตลาดโลกครึ่งปีหลัง 2567 เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น ชี้เป็นโอกาสที่ดีในการกระจายการลงทุนในกลุ่มวัฐจักร

ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ตลาดโลกครึ่งปีหลัง 2567 เศรษฐกิจฟื้น
Spread the love

“บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด” (SCB Julius Baer) จัดงานสัมมนา
เอ็กซ์คลูซีฟ “มุมมองเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลังปี 2567” (Market Outlook Second Half
2024) สำหรับลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (Ultra High Net Worth Individuals –
UHNWIs) นำเสนอถึงปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง ที่จัดทำโดย
จูเลียส แบร์ โดยให้มุมมองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น
“Out of the Woods”

ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงเติบ
โตอย่างแข็งแกร่ง และคาดหวังว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ขณะ
ที่การค้าโลกได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมของจีน ด้านกลยุทธ์
การลงทุน เงินสดยังคงน่าสนใจในการเก็บเงินทุนสำรองและสามารถนำไปลงทุนในสิน
ทรัพย์อื่นได้ในครึ่งปีหลัง

ขณะที่ตราสารหนี้ ยังคงเน้นลงทุนในหุ้นกู้คุณภาพดีและตราสารหนี้สกุลเงินสหรัฐฯใน
ตลาดเกิดใหม่ แนะเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มวัฏจักรมากขึ้น สำหรับธีม Next Generation
ยังคงมุมมองเชิงบวกในกลุ่ม Automation, Robotics, และ Future Cities

นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์
จูเลียส แบร์ จำกัด กล่าวว่า “จากมุมมองเศรษฐกิจโลกครึ่งปี 2567 ที่จัดทำขึ้นโดย
จูเลียส แบร์ พบว่า เศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลังเริ่มเห็นแนวโน้มการฟื้นตัว “Out of the
Woods” สะท้อนถึงความหวังที่เรามีเมื่อเห็นสัญญาณการฟื้นตัวเริ่มปรากฏ

เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการกระจายการลงทุนอย่างมีกลยุทธ์ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคง
เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคผ่านมาตรการ
กระตุ้นทางการคลังจำนวนมาก และตลาดแรงงานที่ฟื้นตัวขึ้น จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็ง
แกร่งของสหรัฐฯ ช่วยให้เกิดความหวังในการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนที่กำลัง
จะมาถึง ด้านยุโรปและเอเชีย

โดยเฉพาะจีนกำลังเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจจากความยากลำบากของตลาด
อสังหาริมทรัพย์ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ในขณะที่การค้าโลกได้รับ
แรงสนับสนุนจากมาตรการด้านอุตสาหกรรมของจีนที่จัดการกับปัญหาภายในประเทศ
และจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าที่คาดว่าจะเข้าสู่วงจร
การสต็อกสินค้ารอบใหม่ ทั้งนี้ Market Correction ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาเป็นโอกาส
ในการเข้าลงทุน โดยครึ่งปีหลังจะมีเหตุการณ์สำคัญที่น่าจับตามองคือการเลือกตั้งประ
ธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567”

“สำหรับมุมมองด้านตลาดหุ้นนั้น เรากำลังเปลี่ยนความสนใจไปที่วิธีการลงทุนที่เป็น
วัฏจักรมากขึ้น โดยการปรับเพิ่มหมวดอุตสาหกรรมและลดหมวดอุปโภคบริโภค โดย
ให้ความสำคัญกับหุ้นขนาดกลางที่มีคุณภาพและหุ้นญี่ปุ่น ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐ
(USD) จะยังคงมีความแข็งแกร่งจากเศรษฐกิจภายในที่ยังแข็งแรงและนโยบายอัตรา
ดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve)

ในขณะที่ เงินเยน (JPY) อาจยังเผชิญกับแรงกดดันในทิศทางขาลงที่ยืดเยื้อ โดยการ
แทรกแซงจากกระทรวงการคลังอาจยืนระยะยาวไม่ไหว ด้านทองคำจะได้รับประโยชน์
จากบทบาทในการเป็นเครื่องป้องกันความไม่แน่นอนทางการเมือง สุดท้ายนี้ สำหรับธีม
Next-Generation เรายังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อ Automation, Robotics, และ
Future Cities” นายพีรพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย

Scroll to Top