Intel โชว์ “Edge AI” ในงาน Mobile World Congress 2024

Spread the love

 

Intel นำเทคโนโลยี Edge AI และโครงสร้างพื้นฐานระดับองค์กร งาน Mobile World Congress 2024 ลูกค้าและพันธมิตรชั้นนำของอินเทล

 

ในงาน Mobile World Congress 2024 อินเทลได้ประกาศ แพลตฟอร์ม โซลูชัน และบริการใหม่ ๆ ที่ครอบคลุม เครือข่ายและ Edge AI โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra และ AI PC และอื่น ๆ อีกมากมาย

 

ในยุคที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีกลายเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้แบรนด์สามารถคงความเป็นผู้นำในตลาด อินเทลกำลังนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันสำหรับลูกค้า คู่ค้า และอีโคซิสเต็มที่กว้างขวาง เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์และระบบการทำงานอัตโนมัติแบบ Built-in เพื่อปรับปรุงต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (Total Cost of Ownership: TCO) และประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงการส่งมอบนวัตกรรมและบริการใหม่ๆ

 

จากการเปิดตัวเทคโนโลยีต่างๆ ของอินเทลในวันนี้ เราเน้นย้ำถึงการเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรม โดยการปรับปรุงระบบต่างๆ ให้ทันสมัยและสร้างรายได้จาก 5G, Edge และโครงสร้างพื้นฐานระดับองค์กร และการลงทุน เพื่อที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากการที่เรานำพา AI ไปไว้ในทุกๆ จุดได้เป็นเวลากว่าทศวรรษแล้ว

 

อินเทลได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายในปัจจุบันจากฟังก์ชันคงที่ไปเป็นแพลตฟอร์มที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ และขับเคลื่อนความสำเร็จที่ Edge ด้วยการปรับใช้ในโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า 90,000 รายการ2 ร่วมไปกับลูกค้าและพันธมิตรของเรา

 

สาชิน กัตติ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปแผนก Network and Edge ของอินเทล กล่าวว่า อินเทลได้นำเสนอนวัตกรรมให้กับพันธมิตรและลูกค้า ตลอดทั้งเครือข่าย Edge และโครงสร้างพื้นฐานระดับองค์กรต่างๆ เพื่อปรับปรุงเครือข่ายของพวกเขาให้ทันสมัย สร้างรายได้จากบริการใหม่ๆ ที่ Edge และนำ AI ไปสู่ทุกที่

 

กลยุทธ์ SOC ที่ปรับให้เหมาะสมกับเครือข่ายและ Edge ของอินเทล ผสานการประมวลผลและการเร่งความเร็วให้กับเวิร์กโหลดสำหรับเครือข่าย AI และ vRAN ได้อย่างมีนัยสำคัญ และเรากำลังประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ของตลาดสำหรับ 5G core พร้อม Sierra Forest และ 5G vRAN พร้อม Granite Rapids-D

 

เร่งความเร็ว AI แบบ Built-in

 

โปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® เจนเนอเรชั่นที่ 4 พร้อม Intel® vRAN Boost (โค้ดเนม Sapphire Rapids EE) ที่ได้มีการเปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา มาพร้อมกับความจุสูงสุดถึงสองเท่า3 สำหรับเวิร์กโหลด Virtual Radio Access Network (vRAN) เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

 

การเพิ่มขีดความสามารถนี้ ช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถเพิ่มจำนวนเซลล์ไซต์ (Cell Site) หรือสมาชิกได้เป็นสองเท่า ในขณะเดียวกันก็ลดการใช้พลังงานประมวลผล vRAN ได้อีก 20% โดยไม่จำเป็นต้องเร่งความเร็วจากภายนอก เพื่อลดความซับซ้อนและต้นทุนของระบบลง

 

นอกจากอินเทลจะขยายขีดความสามารถสู่การเป็นผู้นำด้านโซลูชัน vRAN แล้ว อินเทลยังสามารถลดต้นทุน ของ vRAN และลดการใช้พลังงานในการมอบโซลูชันในสเกลระดับโลกอีกด้วย ทั้งนี้ อินเทล ได้ประกาศเปิดตัวโปรเซสเซอร์ Xeon ในอนาคต ได้แก่ โปรเซสเซอร์ Granite Rapids-D ซึ่งประกอบไปด้วย P-core เจนเนอเรชั่นล่าสุด ที่พร้อมมอบประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานผ่านการใช้การ Intel Advanced Vector Extensions (Intel AVX) ที่ได้รับการปรับปรุงสำหรับโซลูชัน vRAN

 

นอกจากนี้ยังมีโซลูชัน Intel vRAN Boost ที่จะช่วยเร่งประสิทธิภาพการทำงานควบคู่ไปกับการปรับปรุงสถาปัตยกรรมและคุณสมบัติอื่น ๆ โดยปัจจุบันเรากำลังทดลองกับซิลิคอน ซัมซุง ได้สาธิตการโทรครั้งแรกที่ห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาในเมืองซูวอน ประเทศเกาหลีใต้ อีริคสัน ได้สาธิตการตรวจสอบการโทรครั้งแรกในห้องแล็บร่วมของอีริคสัน-อินเทลในเมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย

 

ความสำเร็จเหล่านี้ตอกย้ำถึงความสะดวกในการโยกย้ายซอฟต์แวร์จากรุ่นปัจจุบันไปยังรุ่นต่อไปและความพร้อมของอีโคซิสเต็มเมื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ อินเทล ยังทำงานร่วมกับ Dell Technologies, Hewlett Packard Enterprise (HPE), Lenovo, Mavenir, Red Hat, Wind River และพันธมิตรในอีโคซิสเต็มชั้นนำอื่น ๆ เพื่อรับประกันความพร้อมของการใช้งาน โดยโปรเซสเซอร์ Granite Rapids-D มีแผนที่จะเปิดตัวในปี 2568 หลังจากเปิดตัวซีพียูเซิร์ฟเวอร์ Granite Rapids ในปี 2567 นี้

 

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาดในสภาพแวดล้อมของโซลูชัน vRAN ที่กำลังเปลี่ยนแปลง และเพื่อเป็นแนวทางที่จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานและนักพัฒนาสามารถสร้าง ฝึกอบรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปรับใช้โมเดล AI สำหรับการใช้งาน vRAN บนเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานทั่วไปในขอบเขตเครือข่ายที่มีอยู่ อินเทลกำลังพัฒนาชุดเครื่องมือ Intel® vRAN AI Development Kit สำหรับพันธมิตรบางรายที่ได้รับการคัดเลือก

 

โดยการสร้างขึ้นบนไลบรารี เฟรมเวิร์ก และเครื่องมือที่ได้รับการปรับให้เหมาะกับ AI ของอินเทล ซึ่งการรวมโมเดล AI ที่ได้รับการปรับปรุงในชุดพัฒนากับการเร่งความเร็ว AI ในตัวของโปรเซสเซอร์ Intel Xeon เจนเนอเรชั่น 4 จะทำให้นักพัฒนาสามารถดึงศักยภาพการจัดการพลังงาน

 

ความสามารถด้านการวัดและส่งข้อมูลทางไกล โดยเครือข่ายแบบไดนามิกจะช่วยประหยัดต้นทุนและสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มเติมจากโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมสนับสนุนแหล่งรายได้ใหม่ ๆ ขณะนี้ อินเทล กำลังทำงานร่วมกับ AT&T, Deutsche Telekom, SK Telecom และ Vodafone เพื่อแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่ AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้กับโซลูชัน RAN

 

สนับสนุนคอร์ประสิทธิภาพสูง 5G และการประหยัดพลังงาน

 

สถาปัตยกรรมของอินเทลเป็นโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ทั่วโลก และเซิร์ฟเวอร์เครือข่ายระบบเสมือนส่วนใหญ่ทำงานบน CPU ของอินเทล ในฐานะตัวเลือกหลักสำหรับผู้ปฏิบัติงาน ผู้ผลิตอุปกรณ์ และผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์ม Intel Xeon ได้สร้างมาตรฐานในการใช้งานเชิงพาณิชย์สำหรับคอร์ประสิทธิภาพสูง 5G พร้อมการปรับปรุงต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (Total Cost of Ownership: TCO) ที่เหนือกว่าและการจัดการพลังงานที่ครอบคลุม ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกนำเสนอผ่านอีโคซิสเต็มระดับโลกที่มีคุณภาพสูง

 

สำหรับผู้ประกอบการ บริษัทได้ทำการแสดงตัวอย่างโปรเซสเซอร์ Intel Xeon รุ่นถัดไป ซึ่งได้แก่ Sierra Forest ที่จะเปิดตัวในปลายปีนี้เพื่อขยายแผนงานของหน่วยประมวลผลของอินเทล โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่นี้ประกอบไปด้วย Efficient-core (E-core) 288 คอร์บนชิปตัวเดียว

 

ซึ่งเหมาะสำหรับเวิร์คโหลด 5G ในการพัฒนาประสิทธิภาพหลักของเครือข่ายและประหยัดพลังงาน และด้วยการใช้เทคโนโลยี E-core ล่าสุดของอินเทล ผู้ให้บริการจะรับรู้ได้ถึงการประหยัดพลังงานและการประหยัดต้นทุนที่มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นถึง 2.7 เท่าต่อการปรับปรุงแร็ค1 และประสิทธิภาพต่อแร็คสำหรับเวิร์คโหลด 5G5 ระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม

 

ผู้ประกอบการและพันธมิตรในอีโคซิสเต็ม รวมถึง BT Group, Dell Technologies, Ericsson, HPE, KDDI, Lenovo และ SK Telecom ต่างก็แสดงความสนใจในแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ที่ล้ำสมัยนี้ ซึ่งได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพสูงต่อวัตต์ ความหนาแน่นของคอร์ และปริมาณงาน

 

เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน อินเทล ได้ประกาศถึงความพร้อมในการให้บริการอย่างแพร่หลายและการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมสำหรับซอฟต์แวร์ ด้วย Intel® Infrastructure Power Manager สำหรับคอร์ 5G โดยวางแผนที่จะส่งมอบซอฟต์แวร์ระบบบริหารจัดการให้กับทาง Casa Systems, NEC, Nokia และ Samsung

 

ในปี 2567 นี้ เพื่อช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถ ใช้ประโยชน์จากการส่งข้อมูลเบื้องต้นของโปรเซสเซอร์ Intel Xeon เพื่อลดการใช้พลังงานของ CPU โดยเฉลี่ย 30% ในขณะที่ยังคงรักษาตัวชี้วัดประสิทธิภาพโทรคมนาคมที่สำคัญ6 ผู้ปฏิบัติงานหลายรายกำลังสำรวจการทดลองในห้องปฏิบัติการเพื่อมอบการชดเชยคาร์บอนและปรับปรุงต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (Total Cost of Ownership: TCO)

 

กุญแจสู่การขยายขนาดการใช้งาน AI และ Edge

 

ในการใช้งานเอดจ์ (Edge) องค์กรต่าง ๆ ต่างต้องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และปรับปรุงเวลาออกสู่ตลาดด้วยการนำเสนอบริการอันชาญฉลาดใหม่ ๆ พวกเขากำลังเริ่มใช้ประโยชน์จากข้อมูลจำนวนมหาศาลที่สร้างขึ้นที่เอดจ์เพื่อมอบประสบการณ์แก่ลูกค้าที่ดีขึ้น ขยายขนาดการดำเนินงานผ่านระบบอัตโนมัติในขณะที่ยังควบคุมต้นทุนได้ และจัดการกับผลกระทบของการขาดแคลนแรงงาน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการขับเคลื่อนโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับ Edge AI

 

อินเทลใช้ประโยชน์จากฐานการติดตั้งที่กว้างขวางและความเชี่ยวชาญเชิงลึกจากการปรับใช้เอดจ์มากกว่า 90,000 รายการในปัจจุบัน ด้วยจำนวนโปรเซสเซอร์มากกว่า 200 ล้านเครื่องที่ถูกจำหน่ายในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา2 เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จาก Edge AI ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

 

จากแถลงการณ์เปิดตัวในวันนี้ แพลตฟอร์มเอดจ์จากอินเทลมีความสามารถพิเศษ รวมไปถึงความสามารถในการรองรับส่วนประกอบที่แตกต่างกันสำหรับต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ที่ต่ำลงและการจัดการโครงสร้างพื้นฐานและแอปพลิเคชันตามนโยบายแบบไร้สัมผัส

 

รวมไปถึง AI บนวิทยาการเอดจ์โหนด (Edge Node) บนกระจกบานเดียว นอกจากนี้ ระยะเวลาการทำงานของ AI มาพร้อมกับการอนุมาน OpenVINO™ ที่ถูกออกแบบมาภายในตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการอนุมาน AI แบบเรียลไทม์และการจัดการเวิร์กโหลดที่ซับซ้อนภายในโครงสร้างพื้นฐานซอฟต์แวร์สำหรับการเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน

 

จากวิวัฒนาการของโซลูชันที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน Intel Innovation 2023 ภายใต้โค้ดเนม “โปรเจค Strata” นั้น แพลตฟอร์มเอดจ์ของอินเทลจะพร้อมใช้งานโดยทั่วไปในช่วงไตรมาสนี้ โดยมีพันธมิตรและผู้ใช้ปลายทางบางรายสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มแล้ว และเพื่อเป็นการสนับสนุนแพลตฟอร์ม Edge อินเทลกำลังดำเนินงานข้ามอีโคซิสเต็มและร่วมกับผู้นำต่าง ๆ ในอุตสาหกรรม อาทิ Amazon Web Services, Lenovo, L&T Technology Services, SAP, Red Hat, Vericast, Verizon Business และ Wipro

 

คอมพิวเตอร์ AI ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจทุกขนาด

 

ในวันที่สองของงาน MWC 2024 อินเทลและไมโครซอฟท์จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงต้อนรับอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ AI ที่บูธของอินเทล รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถรับชมได้ที่ Intel Newsroom

 

มอบทางเลือกในการเร่งความเร็ว

 

สำหรับพื้นที่ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ที่ซึ่งข้อกำหนดและกรณีศึกษายังถูกค้นคว้าอยู่ อาทิ vRAN, OpenRAN, 6G และ AI FPGA ช่วยให้เกิดข้อได้เปรียบในการออกสู่ตลาดเป็นรายแรก และมอบความยืดหยุ่นสูงสุดด้วยโซลูชันไดนามิก พลังงานต่ำ เวลาแฝงต่ำ และมอบปริมาณงานระดับสูง

 

โดย Programmable Solutions Group (PSG) ของอินเทลจะเปิดตัว Radio Macro ใหม่ 2 ชุดและ mMIMO Enablement Packages รวมไปถึง Intel® Precision Time Protocol Servo ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้การกำหนดค่าเวลาใดๆก็ได้ใน 1588 Precision Time Protocol (PTP) เพื่อซิงโครไนซ์อุปกรณ์ใน Radio Access Network

 

นอกจากนี้ Programmable Solutions Group (PSG) ซึ่งในปัจจุบันได้แยกตัวออกมาดำเนินการด้วยตนเอง จะจัดงานสัมมนาบนเว็บไซต์เกี่ยวกับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ทางธุรกิจ ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Intel Newsroom

 

เยี่ยมชมบูธของอินเทลได้ที่งาน MWC 2024  พร้อมร่วมกิจกรรม Technology Showcase เพื่อชมนวัตกรรมล่าสุดจากพันธมิตรโดยตรง อาทิเช่น การสร้างโครงข่ายสมัยใหม่แห่งโลกอนาคต เพื่อมอบประสิทธิภาพการทำงานและการประหยัดพลังงานขั้นสูงสุด ปรับขนาดการใช้งาน AI ในอุตสาหกรรมการตลาดแนวตั้งเพื่อผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น นำเสนอคุณสมบัติใหม่ๆ ในคอมพิวเตอร์ AI และความสามารถในการจัดการสำหรับองค์กรทุกขนาด

Scroll to Top