Cloudflare ชี้องค์กรประสบปัญหากับแนวทางการรักษาความปลอดภัยที่ล้าหลัง

รายงานใหม่ Cloudflare ชี้องค์กรต่าง ๆ กำลังประสบปัญหากับแนวทางการรักษาความปลอดภัยที่ล้าหลัง
Spread the love

 

Cloudflare เผยแพร่ รายงานสถานะความปลอดภัยของแอปพลิเคชันของ Cloudflare ในปี 2567 ข้อค้นพบ จากรายงานในปีนี้เผยให้เห็นว่าทีมงานที่ดูแลด้านความปลอดภัยกำลังเผชิญกับภาวะยากลำบากในการจัดการกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น

 

จากการที่องค์กรหันมาพึ่งพาแอปพลิเคชันสมัยใหม่อย่างรวดเร็ว แอปพลิเคชันที่ว่านี้ก็คือเทคโนโลยีที่รองรับเว็บไซต์ที่มีการใช้งานมากที่สุดในปัจจุบัน โดยรายงานยังเน้นถึงภัยคุกคามที่เกิดจากปัญหาซอฟต์แวร์ในห่วงโซ่อุปทาน

 

จำนวนการโจมตีที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของ Distributed Denial of Service (DDoS) และบอทที่เป็นอันตราย ที่มักมีมากกว่ากำลังคนของทีมงานที่ดูแลด้านความปลอดภัยของแอปพลิเคชันเป็นการเฉพาะ

 

โลกดิจิทัลในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยเว็บแอปพลิเคชันและ API ที่ทำให้เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซสามารถทำการชำระเงิน ระบบการดูแลสุขภาพสามารถแบ่งปันข้อมูลผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย และช่วยให้เราทำกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านโทรศัพท์ แต่การใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้มากขึ้นย่อมเท่ากับเป็นการเพิ่มพื้นที่การโจมตี และยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก

 

เมื่อนักพัฒนาเองก็ต้องการใช้เพื่อนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้ได้โดยเร็ว เช่น ความสามารถที่ขับเคลื่อนโดย generative AI แต่ถ้าไม่มีการป้องกัน แอปที่นำมาใช้ประโยชน์อาจเป็นสาเหตุให้ธุรกิจหยุดชะงัก สูญเสียเม็ดเงิน และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญล่มสลาย

 

Matthew Prince ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Cloudflare กล่าวว่า “เว็บแอปพลิเคชันสร้างมาโดยแทบจะไม่คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย แต่เรากลับใช้ร่วมกับฟังก์ชั่นสำคัญทุกประเภททุกวัน จนกลายเป็นเป้าโจมตีของแฮกเกอร์ไปโดยปริยาย

 

เครือข่ายของ Cloudflare ช่วยปิดกั้นภัยคุกคามทางไซเบอร์ให้ลูกค้าได้เฉลี่ยวันละ 209,000 ล้านรายการ โดยเลเยอร์การรักษาความของแอปพลิเคชันในปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้อินเทอร์เน็ตมีความปลอดภัยอย่างแท้จริง

 

ผลการค้นพบสำคัญจากรายงานสถานะความปลอดภัยของแอปพลิเคชันในปี 2567 ของ Cloudflare ได้แก่

 

การโจมตี DDoS ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในแง่ของปริมาณและความถี่: DDoS ยัง
คงเป็นเวกเตอร์ภัยคุกคามที่นำมาใช้มากที่สุดเพื่อเล็งเป้าหมายไปที่แอปพลิเคชันและ
API คิดเป็น 37.1% ของการรับส่งข้อมูลแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ Cloudflare ช่วยลด
ความเสี่ยง โดยธุรกิจที่ตกเป็นเป้าหมายมากที่สุด ได้แก่ เกมและการพนัน ไอทีและ
อินเทอร์เน็ต สกุลเงินคริปโต ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ และการตลาดและการโฆษณา

 

คนแรกที่แพตช์กับคนแรกที่ใช้—การแข่งขันระหว่างฝ่ายป้องกันและฝ่ายโจมตีมีความ
เข้มข้น: Cloudflare ตรวจพบช่องโหว่แบบ Zero-day ใหม่ ๆ ได้รวดเร็วกว่าที่เคย โดย
ช่องโหว่หนึ่งเกิดขึ้นไล่หลังการเผยแพร่ Proof-of-Concept (PoC) เพียง 22 นาที บอท
ด้อยมาตรฐาน ซึ่งหากทิ้งไว้โดยไม่ตรวจสอบ อาจทำลายล้างระบบได้

 

หนึ่งในสาม (31.2%) ของการรับส่งข้อมูลทั้งหมดที่ทำผ่านบอทนั้น พบว่าเกือบทั้งหมด (93%) ไม่ได้รับการตรวจสอบยืนยันและอาจเป็นอันตรายได้ ธุรกิจที่เป็นเป้าหมายสูงสุดได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตและสินค้าอุปโภคบริโภค สกุลเงินคริปโต การรักษาความปลอดภัยและการสืบสวน และรัฐบาลกลางสหรัฐฯ

 

องค์กรต่าง ๆ กำลังใช้วิธีการล้าสมัยในการรักษาความปลอดภัยของ API: กฎ Web
Application Firewall (WAF) แบบเดิมที่ใช้โมเดลความปลอดภัยเชิงลบ ซึ่งเป็นการ
ตั้งสมมติฐานว่าการเข้าชมเว็บส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกนำมาใช้มากที่สุด
ในการปกป้อง API Traffic

 

ทั้งนี้ มีองค์กรไม่กี่แห่งที่ใช้หลักปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัยของ API ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางกว่า ซึ่งเป็นโมเดลความปลอดภัยเชิงบวก ซึ่งเป็นการกำหนดอย่างเข้มงวดในด้านการรับส่งข้อมูลที่ได้รับการยอมรับและปฏิเสธส่วนที่เหลือทั้งหมด

 

การใช้ซอฟต์แวร์ของบริษัทภายนอกเพียงอย่างเดียวคือตัวเพิ่มความเสี่ยง: องค์กรต่างๆ
ใช้โค้ดจากผู้ให้บริการบุคคลที่สามโดยเฉลี่ย 47.1 โค้ด และสร้างการเชื่อมต่อสู่ภายนอก
ไปยังทรัพยากรของบุคคลที่สามโดยเฉลี่ย 49.6 ครั้ง เพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและ
การทำงานของเว็บไซต์

 

เช่น การใช้ประโยชน์จาก Google Analytics หรือ Ads แต่เนื่องจากการพัฒนาเว็บไซต์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเพื่อให้โค้ดและกิจกรรมของบุคคลที่สามประเภทนี้สามารถโหลดในเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ได้ องค์กรต่าง ๆ จึงต้องเผชิญกับความเสี่ยงและแบกรับความรับผิดชอบด้านห่วงโซ่อุปทาน ทั้งยังมีข้อกังวลเรื่องการปฏิบัติตามกฎระเบียบเพิ่มมากขึ้นด้วย

 

Scroll to Top