เอปสันเผยปี 66 โต 8% ตั้งเป้า 3 ปีสัดส่วนรายได้ธุรกิจองค์กรจะเพิ่มเกิน 50%

Spread the love

 

เอปสัน ประเทศไทย เผยรายได้ประมาณการรวมทั้งธุรกิจเติบโตขึ้น 8% และมีอัตราการการเติบโตขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ พร้อมนำเสนอนวัตกรรมใหม่ของเอปสันเองเข้ามาเปิดตลาด สร้างฐานลูกค้าใหม่ ไม่พึ่งพิงการสร้างรายได้จากสินค้าเดิมหรือสินค้าเพียงกลุ่มเดียว ตั้งเป้าอีก 3 ปี สัดส่วนรายได้ของกลุ่มลูกค้าองค์กรจะเกิน 50% แซงหน้าลูกค้าทั่วไป

 

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยอดขายประมาณการทั้งปี 2566 ของเอปสันเติบโตขึ้น 8% ในขณะที่ตลาดไอทีเติบโตลดลงกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2565 แสดงให้เห็นว่าเอปสันได้ดำเนินกลยุทธ์ที่ถูกต้อง เพราะไม่เพียงปรับโฟกัสธุรกิจมาที่ตลาด B2B ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว รวมถึงยังเดินหน้าเพิ่มไลน์อัพสินค้าและสร้าง S-curve ใหม่อยู่เสมอ

 

ทั้งนี้เอปสันได้มุ่งการนำนวัตกรรมใหม่ของเอปสันเองเข้ามาเปิดตลาด สร้างฐานลูกค้าใหม่ พร้อมกับช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดจากเทคโนโลยีและแบรนด์คู่แข่ง ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงการสร้างรายได้จากสินค้าเดิมหรือสินค้าเพียงกลุ่มเดียว รวมถึงการเน้นความยั่งยืนตั้งแต่แรก ทำให้ในวันนี้เอปสันเป็นแบรนด์ที่ลูกค้านึกถึงก่อน เมื่อมองหาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

สำหรับกลุ่มสินค้าของเอปสันที่ทำยอดขายได้อย่างโดดเด่นในปีนี้ ได้แก่ เครื่องพิมพ์ป้ายโฆษณา Epson SureColor S-series ที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 37% เป็นผลจากการที่บริษัทฯ สามารถดึงผู้ประกอบการที่เคยใช้เครื่อง Non-brand ที่มีข้อจำกัดในเรื่องเทคโนโลยี คุณภาพ และการบริการ มาใช้เครื่องเอปสันได้เพิ่มขึ้น

 

นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากการจัดกิจกรรมการตลาดและโปรโมชั่นพิเศษที่เพิ่มขึ้นของศูนย์การค้าและโรงแรมต่างๆ บวกกับปัจจัยด้านการท่องเที่ยว นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ และการเลือกตั้ง 66 ที่ทำให้สื่อโฆษณานอกบ้านและสื่อเคลื่อนที่เติบโตขึ้น

 

ต่อมาคือสแกนเนอร์ ที่เติบโตขึ้น 37% ซึ่งได้รับอานิสงค์จากการที่ พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้ ทำให้หน่วยงานราชการหลายแห่งจำเป็นต้องทำเอกสารดิจิทัล เพื่อให้บริการประชาชนผ่านระบบออนไลน์ รวมไปถึงธนาคาร ห้องสมุด และสถาบันศึกษาที่ต้องการเก็บข้อมูลถาวรในรูปแบบดิจิทัล และองค์กรธุรกิจที่เริ่มทำงานผ่านระบบเครือข่ายมากขึ้น

 

ตามมาด้วย เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กร Epson WorkForce ที่โตเกือบ 30% ยืนยันถึงความสำเร็จของบริษัทฯ ในการชิงส่วนแบ่งตลาดจากเครื่องถ่ายเอกสารตามสำนักงานที่เคยใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ ที่ผ่านมา เอปสันเน้นให้ความรู้กับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องถึงข้อได้เปรียบและประโยชน์ที่หัวพิมพ์อิงค์เจ็ท PrecisionCore Heat-Free Technology ที่ไม่ใช้ความร้อนในการพิมพ์ กินไฟน้อย บำรุงรักษาง่าย

 

อีกทั้งเอปสันยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เลือกรูปแบบในการเป็นเจ้าของเครื่องพิมพ์เอปสัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาด เช่าเครื่อง คิดค่าบริการต่อแผ่น หรือเหมาจ่ายรายเดือน

 

ส่วนโปรเจคเตอร์ โดยรวมมีการเติบโตได้ดี เพิ่มขึ้นเกือบ 20% ซึ่งมาจากกลุ่มเลเซอร์โปรเจคเตอร์ความสว่างสูง  เช่น รุ่นที่มีความสว่างตั้งแต่ 5,000 ลูเมนขึ้นไปและสามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ และเลเซอร์โปรเจคเตอร์เพื่อธุรกิจ เช่น Epson 2000-series โดยที่เอปสันมีการออกสินค้าใหม่มากที่สุดและทำการตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ขณะที่แบรนด์คู่แข่งบางรายกลับหยุดหรือชะลอการทำตลาด

 

อีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่แสดงถึงการเติบโตอย่างมีนัยยะ คือเครื่องพิมพ์มินิแล็บ Epson SureLab ที่โตขึ้นในปีนี้เกือบ 10% บ่งบอกถึงการเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ของธุรกิจรับพิมพ์ภาพขนาดย่อมในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศมาตั้งแต่หลังโควิด ยิ่งได้รับการสนับสนุนจากกระแสการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ทำให้เกิดกิจกรรมทางสังคมเพิ่มขึ้น อัตราการพิมพ์ภาพก็มากขึ้นตาม จนนำไปสู่การลงทุนซื้อเครื่องพิมพ์เพิ่มของกลุ่ม Startup และ SME

 

สำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ Epson EcoTank มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดปี 2566 มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในด้านราคา เพื่อจูงใจผู้บริโภค แต่เอปสันยังสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ไว้ได้ที่สัดส่วน 57% เมื่อธันวาคมที่ผ่านมา ในขณะที่กลุ่มเครื่องพิมพ์สิ่งทอ Epson SureColor F-series ไม่แสดงการเติบโต เช่นเดียวกับกลุ่มหุ่นยนต์แขนกล ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

 

นายยรรยง กล่าวถึงปี 2567 ว่าถึงแม้ภาพรวมเศรษฐกิจในเวลานี้ยังอยู่ภาวะชะลอตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากการขยายตัวของหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น และปัญหาหนี้เสียคงค้างของสินเชื่อประเภทต่างๆ ที่อาจส่งผลถึงการจับจ่ายของประชาชน และการลงทุนของภาคเอกชน รวมถึงผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาคซึ่งมีผลต่อราคาน้ำมันโลก

 

แต่ เอปสัน ประเทศไทย ยังเชื่อมั่นในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ผ่านการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ว่าจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวและมีเสถียรภาพอย่างแน่นอน โดยเอปสันยังได้ตั้งเป้าที่จะรักษาระดับการเติบโตให้ไม่ต่ำกว่าปีนี้ และอีก 3 ปีคาดว่ารายได้จากกลุ่มธุรกิจองค์กรจะมีสัดส่วนเพิ่มมากกว่า 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 40%

Scroll to Top