วอลโว่ เผยยอดขายรถในไทยปี 2023 เพิ่มขึ้น 24% ตั้งเป้าโตปีนี้ 20% พร้อมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ Volvo EX90 และการสร้างศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร แห่งที่ 3 ในกรุงเทพ รวมถึงศูนย์ซ่อมและรีไซเคิลแบตเตอรี่ในประเทศ มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการเป็นเจ้าของ
คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า วอลโว่ ประกาศไปแล้วว่าปี 2025 จะขายเฉพาะรถยนต์ที่เป็นรถไฟฟ้าเท่านั้น เร็วกว่าแผนของวอลโว่คาร์ 5 ปี โดยที่ผ่านมาความสนใจในกลุ่มผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้า Pure Electric ของวอลโว่ ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง มียอดขายเติบโตขึ้นกว่า 56% ของยอดขายทั้งหมด
การเติบโตดังกล่าวนำโดยรถไฟฟ้ารุ่นยอดนิยมอย่าง Volvo XC40 Recharge Pure Electric นอกจากนี้ รถไฟฟ้ารุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปในปีที่ผ่านมาอย่าง Volvo EX30 ก็ได้รับกระแสความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี และคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถไฟฟ้าของวอลโว่ในปี 2024 ด้วยเช่นกัน
การเติบโตที่ต่อเนื่องของรถไฟฟ้าไลน์อัพ Pure Electric ในปี 2022 (เติบโต 35%) และปี 2023 ตอกย้ำถึงความสำเร็จของบริษัทฯในทิศทางการจำหน่ายเพียงรถไฟฟ้าเท่านั้นภายในปี 2025 ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์รถ Plug-in Hybrid ก็ยังคงได้รับความนิยม โดยมีสัดส่วนยอดขายคิดเป็น 44% จากยอดขายทั้งหมด นำโดย Volvo XC60 Recharge Plug-in Hybrid เป็นรุ่นที่มียอดขายสูงสุดในผลิตภัณฑ์กลุ่มเดียวกัน
“เรามองว่าทุกคนสร้างรถไฟฟ้าได้ แต่สร้างให้ตอบโจทย์ความยั่งยืนทั้งระบบนั้น วอลโว่ทำได้ ซึ่งรถที่เราเปิดตัวทั้ง XC40 และ EX30 เป็นรถที่สร้างขึ้นมาให้เป็นรถที่มีคาร์บอนฟุตปริ้นต์ต่ำที่สุด ซึ่งกระบวนการผลิตจะมีของเหลือใช้ เราโฟกัสการรีไซเคิลค่อนข้างมาก เพื่อไม่ให้มีของเสียเพิ่มขึ้นอีก”
ยอดขายที่ผ่านมารถไฟฟ้าล้วนของวอลโว่มีสัดส่วน 56% แล้ว ส่วนปลั๊กอินไฮบริดมี 44% เราเติบโตขึ้น 24% ส่วนในปีนี้เราตั้งเป้าการเติบโตที่ 20% ทั้งนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยถูกขับเคลื่อนโดยผู้บริโภคในประเทศ ในขณะเดียวกันเครื่องชาร์จไฟฟ้ามีอยู่ 2 พันกว่าแห่ง เกิดขึ้นจากภาคเอกชนไม่ได้เกิดจากภาครัฐ ดังนั้นอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าภาครัฐต้องเข้ามาร่วมขับเคลื่อนด้วย
เราต้องมองว่าในอีก 5 ปี 10 ปี แบตเตอรี่จะเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง ซึ่งเราเป็นผู้นำที่มองไปแล้วในเรื่องนี้ เพื่อการใช้งานอย่างยั่งยืน โดยวอลโว่ยังมีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์ซ่อมและรีไซเคิลแบตเตอรี่ในประเทศ โดยเริ่มต้นด้วยโครงการรีไซเคิลแบตเตอรี่ผ่านความร่วมมือกับ TES ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยีที่ยั่งยืนจากประเทศสิงคโปร์
โดยโครงการเหล่านี้ไม่เพียงมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน แต่ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการเป็นเจ้าของ (total cost of ownership) รถไฟฟ้าและรถ Plug-in Hybrid ของวอลโว่
“การสร้างศูนย์ซ่อมแบตเตอรี่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แม้จะลงทุนมหาศาลแต่ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมแบตเตอรี่ น่าจะเปิดขึ้นภายในปีนี้ ซึ่งค่าซ่อมกับเปลี่ยนใหม่จะต่างกันมาก แต่ก็ช่วยให้บริษัทประกันมีค่าใช้จ่ายที่ลดลง”
นอกจากนี้ด้วยฐานลูกค้าของวอลโว่ในประเทศที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้วางแผนที่จะเปิดศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร Volvo Certified Damage Repair Centre แห่งที่ 3 ในปีนี้ เพื่อการเข้าถึงและส่งมอบประสบการณ์การบริการที่สะดวกสบายแก่ลูกค้า
โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทดลองระบบ มีรถสมบูรณ์แล้ว 1 คัน เราจะไปให้บริการลูกค้าในการแมนทาแนนซ์ มีเครื่องมือการตรวจสอบรถ วิเคราะห์รถให้ลูกค้า ครึ่งปีแรกจะเป็นการทดลองระบบ หลังจากนั้นก็จะอิมพลีเมนต์ให้ดีลเลอร์ของเราไปทีละเจ้าจนครบทั่งประเทศ
คริส กล่าวว่า ในด้านการสร้างความยั่งยืน วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้เริ่มโครงการติดตั้งหลังคาโซลาร์ ณ คลังสินค้า Volvo Car Thailand Central Distribution & Training Center บางนา ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่สำหรับเก็บชิ้นส่วนอะไหล่และอุปกรณ์ล้ำสมัย
ทั้งเป็นศูนย์บริการตรวจเช็ครถตามขั้นตอนโดยละเอียดก่อนส่งมอบแก่ลูกค้า ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2024 พื้นที่กว่า 23,331 ตารางเมตร ของคลังเก็บสินค้าแห่งนี้จะสามารถปฎิบัติการณ์ได้ด้วยพลังงานจากแหล่งไฟฟ้าหมุนเวียนแบบ 100%
ในส่วนของแผนปฏิบัติการเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมทางสภาพอากาศ บริษัทฯ ก็ได้มีการประกาศเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (C02) โดยเฉลี่ยร้อยละ 70% ต่อคัน ภายในปี 2025
วอลโว่ได้วางแผนเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรมการออกแบบ และเทคโนโลยีประมวลผล คอร์ คอมพิวติ้ง (core computing) เจนเนเรชันล่าสุด เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงาน และมอบความปลอดภัยแห่งอนาคตให้แก่ผู้ใช้รถ
“รถไฟฟ้ารุ่นที่จะเปิดตัวในปีนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้าระดับพรีเมียมของวอลโว่ในปัจจุบันที่มีอยู่แล้วอย่าง Volvo XC40, C40 และ EX30 ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ”
